รู้ถึงตามทันว่าคนนอกเขาคิดเข้าใจไปแค่ไหน แต่ไม่ใช่รอให้เขามาวินิจฉัยหลักการของเรา อย่างไรก็ตาม เวลานี้ความคิดหรือทัศนะเหล่านั้นได้เปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว ความจริงทัศนะเหล่านี้ไม่ มีความสำคัญที่จะต้องยกมาอ้าง เพราะได้พูดไปแล้วว่าเรากำลังพูดถึงหลักฐานที่มา ว่าพระพุทธศาสนาเอง หรือ พระพุทธศาสนาในพระไตรปิฎกบาลีเถรวาทเองนี้ แสดงหลักการของตนไว้อย่างไร ไม่ใช่มาเที่ยวรอทัศนะของผู้ อื่นที่จะมาวินิจฉัยให้ตัวเรา ซึ่งเป็นการไม่ถูกต้อง และ ที่ เอกสารของวัดพระธรรมกาย กล่าวว่า "เกิดมีการอ้างอิงหลักฐานในคัมภีร์ ทั้งบาลี สันสกฤต จีน ทิเบต และภาษาอื่นๆ มากมายอันนำมาสู่ ข้อสรุปความเห็นนี้ แต่ก็มีนักวิชาการที่ไม่เห็นด้วย ยืนยันว่าไม่มีอัตตาในพระพุทธศาสนาเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างก็มี เหตุผลของตน" ความจริงเรื่องนี้ง่ายๆ ชัดเจน ไม่สับสน เพราะนักปราชญ์ปัจจุบันเขารู้กันแล้วว่า ต้องแยกแยะออกไป ว่าหลักการในเรื่องนี้ของพุทธศาสนาแบบเถรวาทเป็นอย่างไร แบบมหายานเป็น อย่างไร และในมหายาน ด้วยกันนั้น นิกายไหนว่าอย่าไร ไม่เอามาสับสนปะปนกัน การพูดอย่างนี้ ถ้าเปลี่ยนเอาอีกเรื่องหนึ่งเข้าไปแทน ก็เหมือนกับพูดว่า "ปัญหาเรื่องภิกษุควรมีครอบครัวหรือไม่ ก็มีการอ้างอิงหลักฐานทั้งคัมภีร์บาลี สันสกฤต จีน ทิเบต และ ในภาษาอื่นๆ มากมาย อันนำมาสู่การสรุปความเห็นของตน ต่างฝ่ายต่างยืนยันทัศนะของตน ฝ่ายหนึ่งก็ว่าภิกษุ ควรมีภรรยา มีครอบครัว อีกฝ่ายหนึ่งก็ว่าไม่ควรมี ต่างฝ่ายต่างก็มีเหตุผลของตน" อย่างนี้ใครๆ ก็อ้างได้ แต่ไม่มีประโยชน์