'ประเวศ วะสี' ชี้ 3 ทางออก วิกฤตศรัทธา 'ธรรมกาย'
นสพ.มติชน ฉบับวันพุธ ที่ 9 ธันวาคม 2541

"… คนไทยเป็นคนที่น่าสงสารมักจะถูกหลอกเพราะว่าเราใช้ศรัทธามากกว่าปัญญามานานแล้ว ถ้าใช้ศรัทธามากก็จะถูกหลอกได้ง่าย เช่นถูกพระหลอก นักการเมืองหลอก เพราะฉะนั้นเราอย่าไปซ้ำเติม ต้องช่วยกันประคับประคองหาทางออกที่เป็นแสงสว่าง พุทธศาสนาเป็นของดีจริงๆ"

มติชนรายวัน: มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าการปฏิบัติและหลักคำสอนของวัดพระธรรมกายในขณะนี้ ไม่ใช่เป็นไปตามแนวทางของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีความเห็นในเรื่องนี้อย่างไร

น.พ. ประเวศ วสี : ประเด็นคือจะใช่พุทธหรือไม่ใช่พุทธ ชาวพุทธต้องมีหลักในการดู ถ้าไม่มีหลักในการดูจะถูกหลอกจากคนต่างๆ รวมกระทั่งถูกพระหลอกด้วย การดูในเรื่องนี้ที่สำคัญที่สุดในทางพุทธศาสนา การบรรลุธรรมจะเกิดจากปัญญาไม่ใช่เกิดจากสมาธิ คือต้องย้อนกลับมาเล่าให้ฟังว่า

ในก่อนครั้งพุทธกาล คือมีพวกฤๅษีที่สมาธิมีเยอะมาก ทำแล้วมีฌาณเห็นโน่นเห็นนี่เยอะแยะไปหมดเลย แล้วพระพุทธเจ้าไปหาอุทกดาบสและอาฬารดาบส ที่เราเรียนกันมาแล้วไปฝึกสมาธิจนได้ฌาณสมาบัติชั้นสูงมาก แล้วอาจารย์ก็เชิญให้เป็นอาจารย์ต่อ แต่ท่านไม่เอา ท่านบอกว่าไม่ใช่วิถีทางของท่าน ปลีกตัวไปแล้วค้นพบธรรมทางปัญญา

ปัญญาเป็นตัวนำให้หลุดพ้นหรือว่าบรรลุ ศาสนาไม่ใช่สมาธิ ทีนี้ถ้าถ้าใครลัทธิไหนไปเอาสมาธิเป็นเรื่องหลุดพ้นอันนั้นไม่ใช่พุทธ ซึ่งมีอยู่ก่อนพุทธกาลแล้ว

เดี๋ยวนี้ก็ยังมีอยู่เยอะ ทีนี้คนจะไม่เข้าใจประเด็นนี้ ก็มีสำนักสมาธิเยอะมาก ทั้งที่เรียกว่าพุทธ ไม่ใช่พุทธ เยอะแยะไปหมดเลย ต้องเข้าใจตรงนี้ว่าการได้สมาธิทำสมาธินี้ว่ามีทั้งประโยชน์และโทษ

ประโยชน์คือ มันทำให้เกิดความสุข ทีนี้ความสุขมันมีสารที่เรียกว่า เอ็นดอฟีน คล้ายมอร์ฟีนในตัวมันจึงเกิดความสุขแล้วมันก็จะติดเหมือนคนติดมอร์ฟีนในการทำสมาธิแล้วมันจะติดจะเป็นความสุขที่เกิด ทีนี้คนก็ไม่ค่อยมีความสุขทั่วไป ถ้าไปทำสมาธิแล้วเกิดความสุขแล้วจะติดใจ

ซึ่งก็มีประโยชน์ส่วนหนึ่ง คือทำให้มีความสุขความสงบ แต่ว่ามีโทษที่ไม่เข้าใจ ถ้าอาจารย์ที่สอนที่เป็นโทษ คือในอาจารย์ที่ขี้เกียจเพราะเก็บกดจะขี้เกียจ เวลาจะทำอะไรทำให้เกิดความประหม่าไม่ตื่นตัวไม่ขยัน มีโทษได้

ทำให้หลง เพราะว่าในการทำสมาธิจะนิมิตที่เขาเรียกว่านิมิต คือเห็นโน่นเห็นนี่แล้วฝันไป เขาเรียกว่าสุจินิมิตฝัน แต่มันไม่ใช่ความจริงในสมาธิมันก็จะเกิด เขาเรียกว่าสมาธินิมิต ก็จะเห็นโน่นเห็นนี่แล้วแต่ แล้วอาจจะมีการชักจูงให้เห็นตะวัน ทำนองคล้ายๆสะกดจิตในขณะที่ทำสมาธิแล้วคนมีอาจารย์นำให้เห็นต่างๆแล้วมันจะหลงไปได้เพราะไปเอานิมิต มันไม่ใช่ความจริงแล้วก็หลงไปได้เพราะเอานิมิตและฟั่นเฟือนไปได้

เนื่องจากสมาธิไม่ได้เกิดจากปัญญา ไม่ได้หลุดพ้นจากกิเลส แต่ว่ามันพึ่งหลุดพ้นจากกิเลส มันมีตัวอย่างเยอะมาก คนที่เล่นสมาธินึกว่าตัวเองบรรลธรรมเกิดความสงบ สบาย นึกว่าบรรลุธรรมแต่ที่จริงไม่ได้บรรลุ กิเลสยังมีและก็นำไปสู่การเสียหาย

ครั้งพุทธกาลมีพระ 20 รูป ทำสมาธิกันอยู่แล้วเกิดความเบาสบาย นึกว่าบรรลุธรรมจะขอมาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ท่านว่ายังไม่ต้อง ท่านบอกให้ไปแวะป่าช้าเสียก่อนและก็แวะไปเจอศพผู้หญิงสวย ก็เกิดซู่ซ่ากันทุกรูป ก็รู้ว่าตัวเองไม่บรรลุธรรม ทั้งที่คิดว่าบรรลุธรรม จริงๆนั้นความที่ไม่บรรลุธรรมก็จะเอาสมาธิไปใช้นำหน้าในเรื่องต่างๆ

แบบรัสปูตินในรัสเซีย ก็ใช้สมาธิในการรักษาโรคเลือดออก แปลว่าใช้อิทธิพลตัวนี้ไปแสวงหาอำนาจ ทำราชสำนักเขาวุ่นวายไปหมด ในข้อนี้ต้องระวังโดยเฉพาะการเริ่มฝึกสมาธิจะเข้าไปสู่เรื่องปาฏิหาริย์ เพราะในสมาธิมีปาฏิหาริย์ได้

แต่พระพุทธเจ้าท่านว่าอย่าไปเล่นเรื่องปาฏิหาริย์ทำให้หลงไปได้ ต้องไปดูเรื่องปัญญาจะได้หลุดพ้นตรงนี้ ถ้าไม่เข้าใจจะหลงไปแล้วเอาไปสร้างอำนาจ อำนาจนี้คือพรรคพวกเยอะ สะสมพรรคพวกและสะสมเงิน ซึ่งเงินมันก็จะนำหน้า มันตรงกันข้ามกับทางพุทธ

เพราะฉะนั้น วิธีดูต้องดูว่าเขาสอนยังไง บอกหลักสำคัญยังไง ไอ้ตัวนี้ตัวทฤษฎีที่บอกว่าเป็นอะไรสมาธิ เป็นเรื่องบรรลุธรรม และปัญญาที่เขาเอามาดูกันว่าใช่พุทธหรือไม่ใช่ ถ้าเอาสมาธิอาย่างเดียว เอาในนิมิต เอาในอะไรก็สอนกันไปก็มีคนสอนเยอะแยะ

มติชน รายวัน: อยากให้สรุปปัญหาของวัดพระธรรมกายที่เป็นอยู่ในขณะนี้ เพราะคนจำนวนมากยังรู้สึกสับสน

น.พ. ประเวศ วสี : อันนี้ต้องดูรายละเอียดดูหลักการ ถ้าสรุปไปเลยคงไม่ฉลาด ก้ไม่มีคตนเชื่อเรา เชื่อต่างๆกันไปแล้วก็ทะเลาะกันต้องให้ความรู้ พูดมาละเอียดแล้วไปดู ถ้าไม่งั้นเราไปสรุปปุ๊บ ก็มีคนเชื่อ ถ้าเชื่อปุ๊บก็ไม่เกิดปัญญา เราต้องอธิบายด้วยเหตุผล คือถ้าเราฟังเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง เดี๋ยวก็เอาไปเขียนข่าวแล้วทำซู่ซ่า อยากให้ได้อ่าน ไปอ่านในที่ผมเขียนไว้น่ะ เกี่ยวกับหลวงพ่อธรรมกายเพราะจะวิเคราะห์อย่างละเอียด

มติชน รายวัน: นายเสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิตระบุที่วัดพระธรรมกายมีลักษณะการสอนมุ่งไปสู่การเป็นอัตตา ไม่ได้เป็นอนัตตาตามหลักพุทธศาสนา มีความเห็นอย่างไร

น.พ. ประเวศ วสี : พระธรรมปิฎกได้วิเคราะหืไว้ว่า หลักอนัตตาเป็นหลักสำคัญของพุทธ ซึ่งไม่มีในหลักศาสนาอื่น และจะไปทำให้เพี้ยนไปจากนี้ไม่ได้ ถ้าจะไปสอนเป็นอัตตาจะผิดจากพระพุทธเจ้าสอน อย่าตู่พระพุทธเจ้า

หลวงพ่อสด (จันทสโร) วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ท่านทำสมาธิและวันหนึ่งเกิดดวงสว่างในท้องซึ่งเป็นนิมิต มันทำให้สมาธิอยู่นาน ทีนี้ก็เกิดความปลื้มใจ วันนนั้นท่านยิ้มอยู่เรื่อย ได้อะไรคือได้สมาธิมันได้นิมิต แต่ว่านิพพานไม่ได้อยู่ที่นั่น ตัวการบรรลุธรรมเป็นปัญญา สมาธิต้องเชื่อมโยงกับการเกิดปัญญาจึงจะสัมมาสมาธิ ไม่อย่างนั้นจะเป็นมิจฉาสมาธิ การเอาไปเล่นแร่แปรธาตุเอาไปทำอภินิหารกันอย่างนั้นเป็นมิจฉาสมาธิ

มติชน รายวัน: เมื่อสถานการณ์มาถึงบัดนี้ มีข้อเสนอทางออกให้กับสังคมหรือแม้กระทั่งมหาเถรสมาคมอย่างไร

น.พ. ประเวศ วสี : มหาเถรสมาคม ถ้าดูตามประวัติ ท่านคงไม่ได้ทำอะไรหรอก เราก็ดูเช่นกรณียันตระ คิดว่าส่วนที่จะทำได้คือสังคมไทยจะต้องเข้ามาศึกษาใช้กรณีนี้เป็นเรื่องศึกษาอย่าไปเชื่อตมเพราะไม่เกิดปัญญา เชื่อว่าใช่พุทธไม่ใช่พุทธ ก็เท่านั้นเอง ต้องศึกษาว่าพุทธคืออะไร ตอนนี้เราหวังพึ่งคนอื่นได้ยาก ตอนนี้วัดพระธรรมกายพวกมากมีเงินมาก ก็จะมีอิทธิพลเพราะว่าเงินมีอำนาจ

มติชน รายวัน: ตอนนี้คนในสังคมมีศรัทธาแล้วก็ดี ญาติพี่น้องที่กำลังเป็นทุกข์ใจอยู่ ญาติของตัวที่เข้าไปหลงบางคนบ้านแตกสาแหรกขาด

น.พ. ประเวศ วสี : มันคงจะต้องระวังเพราะาการฝึกสมาธิและการฝึกจิตวิทยาหมู่ของกลุ่มมันทำให้คนหลงและเชือหรือลัทธิในต่างประเทศนี้มีที่ไปฆ่าตัวตัายหมู่มักจะเชื่อผู้นำ ถ้าไม่เกิดปัญญา ทำสมาธิ เชื่อง่ายสะกดจิตง่าย ถ้าไปทำสมาธิแล้วเอาไปเป็นเครื่องมือหาเงินหาทองก็จะเกิดความเดือดร้อนให้ครอบครัว พุทธศาสตร์จะไม่ใช่ศาสนาเรื่องวัตถุนิยมเป็นอันขาด เป็นธรรมนิยมตรงข้ามเรื่องวัตถุนิยม ถ้าจะไปอ้างเรื่องเงินทองวัตถุนิยมมันไม่เข้ากัน เรื่องพุทธจะต้องไปสู่ความอิสระความเบาตัว ความละจากโลภ โกรธ หลง ต่างๆ

คนไทยเป็นคนน่าสงสารมักจะถูกหลอกเพราะว่าเราใช้ศรัทธามากกว่าปัญญามานานแล้ว ถ้าใช้ศรัทธามากก็จะถูกหลอกได้ง่าย เช่นถูกพระหลอก นักการเมืองหลอก เพราะฉะนั้นเราอย่าไปซ้ำเติมต้องช่วยกันประคับประคองหาทางออกที่เป็นทางแสงสว่าง พุทธศาสนาเป็นของดีจริงๆ

เมื่อครั้งพุทธกาลเกิดการทะเลาะกันในกรุงโกสัมพี ทะเลาะกันมาก พระพุทธเจ้าเสด็จไปห้ามก็ไม่หยุด แล้วพระที่ทะเลาะกันกล่าวกับพระพุทธเจ้าว่า ขอผู้มีพระภาคเจ้าขวนขวายน้อย แปลว่าผู้มีพระภาคอย่ามายุ่ง พระพุทธเจ้าห้ามแล้วไม่ยอมหยุดเลยปลีกตัวไป พระก็ทะเลาะกันต่อ ชาวเมืองก็แก้ไขปัญหาอันนี้เองด้วยการหยุดใส่บาตร

ในการแก้ปัญหานี้ต้องใช้การควบคุมโดยสังคม อย่าไปหวังพึ่งใครแม้พรพุทธเจ้าไปห้ามยังไม่เชื่อ ดังนั้นอย่าไปฝากความหวังไว้กับมหาเถรสมาคม

มติชน รายวัน: หากเป็นไปได้คิดจะบอกอะไรกับทางวัดพระธรรมกายในขณะนี้

น.พ. ประเวศ วสี : ประการแรก อยากจะบอกว่าให้ศึกษาพระพุทธะรรมให้ลึกซึ้ง แล้วก็เชื่อมจากสมาธิไปถึงปัญญา อย่าไปติดอยู่ตรงนิมิต แล้วอย่าไปคิดว่าในนิมิตที่เขาเรียกว่าธรรมกายเป็นนิพพาน ซึ่งในพระพุทธศาสนามันไม่ใช่ อันนั้นจะเป็นจุดสำคัญที่สุด

ประการที่สอง ไม่ควรจะไปเน้นเรื่องการทุ่มทำบุญไปในเรื่องเงินเรื่องวัตถุ

ประการที่สาม ควรจะเปิดทางให้คนที่มีปัญญาได้รู้วิธีการอันหลากหลาย อย่าไปสอนวิธีเดียว การสอนวิธีเดียวเป็นการควบคุมคนให้อยู่ในอาณัติของตัวเอง วิธีการฝึกสมาธิมีวิธีตั้ง 40 วิธี ต้องเปิดโอกาสให้คนได้ศึกษาเพราะจริตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เขาจะได้เลือกวิธีที่ถูกจริตเขา และเงินทองที่สะสมไว้เอาไปช่วยคนจนตั้งตัวได้

มติชน รายวัน: เชื่อกันว่าการทำบุญมากได้ผลตอบแทนมาก วัดพระธรรมกายจับจุดนี้ได้ จึงดำเนินการกระทั่งคนโหมทำบุญกันมากจนหมดเนื้อหมดตัวเป็นหนี้เป็นสิน กรณีมีความเห็นอย่างไร

น.พ. ประเวศ วสี : ในศาสนาพุทธถือว่าบุญที่สำคัญที่สุดเกิดจากการลดการเห็นแก่ตัว ลดโลภะ โทสะ โมหะ ไม่ได้เกี่ยวกับการทำบุญมากๆ ถ้าอย่างนั้นคนจนก็แย่สิ

-----------------------------------------------------------------------------------------
http://tae.hypermart.net/wwwboard/messages/681.html
Posted by ฉึกกะฉัก on December 09, 1998 at 12:13:54: