แฉลิ่วล้อธรรมกาย บีบซื้อที่ไล่ร.ร.

พบพฤติกรรมโหดวัดพระธรรมกายบีบซื้อที่ดินเจ้าของโรงเรียนอนุบาล ครูเจ้าของที่ยกครอบครัวแฉแหลกถูกบีบใช้วิธีถมที่ล้อมรอบ แล้วสร้างส้วมปล่อยน้ำอึ น้ำฉี่ เข้าไป ขนาดฝกตกหนอนไหลตามน้ำต้องไปยืนกินข้าวบนเตียง ซ้ำยังให้คนมายืนฉี่หน้าบ้านให้ลูกสาวเห็น สุดท้ายตกลงขาย 1ล้าน แต่ได้มาแค่ครึ่งเดียว กรรมาธิการศาสนาตามกลิ่นข้อมูลทันที พบพฤติกรรมสุดอัปลักษณ์จนคาดไม่ถึง

ปัญหาของวัดพระธรรมกายไม่เพียงแต่เฉพาะชาวนาอ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ยกพวกมาฟ้องร้องให้ดำเนินคดีกับวัดพระธรรมกายรวมถึงพระไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าอาวาส ,พระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสและพรรคพวกในข้อหาฉ้อโกงที่ดิน และข้อหาอื่น ๆ อีกรวม 5 ข้อหาต่อกองปราบปรามแล้ว ยังมีผู้ที่ถูกวัดบีบซื้อที่ดินอีก โดยใช้พฤติกรรมที่ไม่น่าเชื่อว่าเป็นวัดในบวรพระพุทธศาสนาที่ต้องมีความเมตตาเป็นที่ตั้ง
เมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมาผู้สื่อข่าวเดลินิวส์จากจังหวัดพิษณุโลก เข้าไปสัมภาษณ์นายจันทร์ แพทย์เจริญ อายุ 70 ปี ซึ่งได้รับความเดือดร้อนถูกวัดบีบซื้อที่ดินเช่นกัน โดยนายจันทร์กล่าวว่าตนก่อตั้งโรงเรียนอนุบาลแสงเทียนมาพร้อม ๆกับการก่อตั้งวัดพระธรรมกายที่อยู่ติดกัน ระยะต่อมาปัญหาเกิดขึ้นเมื่อวัดต้องการขยายอาณาเขตโดยมีการกว้านซื้อที่ดินจากชาวบ้าน และที่ดินโรงเรียนอนุบาลแสงเทียนก็อยู่ในเป้าหมายการกว้านซื้อด้วย บุคคลที่มาติดต่อขอซื้อที่ดินคือนายสุธรรม ตีระวนิช หรือปัจจุบันคือพระสุธรรม สุธัมโม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ระยะแรกนายจันทร์กล่าวว่าตนไม่ยอมขาย ทำให้ลูกศิษย์ของวัดไม่พอใจอย่างมาก
ทางวัดจึงได้มีการนำคนงานนำดินมาถมบริเวณรอบ ๆ โรงเรียนจนสูง และยังก่อสร้างห้องน้ำเป็นแถวถึง 20 ห้องติดกับโรงเรียนทำให้น้ำจากห้องน้ำ ทั้งน้ำอาบ น้ำฉี่ น้ำอึ ไหลนองลงมาในโรงเรียน จนทำให้เด็กนักเรียนอนุบาลตัวเล็กตัวน้อยเดือดร้อนอย่างมาก ผู้ปกครองจึงย้ายเด็กออกไป
"ที่วัดทำเช่นนี้เพราะต้องการที่ดินของเรา จึงกลั่นแกล้งทุกอย่าง สุดท้ายผมต้องขายที่ดินไปในราคา 5 แสนบาท พฤติกรรมของวัดนี้ไม่ชอบมาพากลมานานแล้ว ตั้งแต่ก่อตั้งวัดใหม่ ๆ มีการเรี่ยไรด้วยการตั้งโต๊ะแบ่งบุญ และนำกลดมาให้คนที่ต้องการนั่งสมาธิบริจาครายละ 500 บาท และชักชวนโฆษณาว่าผิวเนื้อของพระไชยบูลย์สีเหลืองนวลเหมือนทองคำให้คนอยากเห็นตัวจริงและชักชวนให้มีการซื้อบุญมานานแล้ว"
รายงานข่าวจากกรรมาธิการการศาสนาเปิดเผยว่า กรรมาธิการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาการบีบซื้อที่ดินโรงเรียนอนุบาลแสงเทียนด้วย โดยข้อมูลที่ได้รับก็คือวัดได้บีบซื้อที่ดินด้วยวิธีหฤโหดหลายวิธี อาทิแกล้งปิดทางเข้า-ออกโรงเรียน ซึ่งทำให้เด็กนักเรียนอนุบาลต้องเดินทางอ้อม 300-400 เมตร นอกจากนั้นยัง ขุดคูรอบบ้านและสูบน้ำให้ท่วมที่ดินทั้งหมด
"ทราบว่าปัญหาครั้งนี้มีเจ้าหน้าที่อำเภอมาดู และขอให้วัดอย่าทำเลย ก็เลยสูบน้ำท่วมออก แต่เสร็จ แล้วครูจันทร์ก็ยังไม่ยอมขายที่ดิน ก็เลยเอาลูกจ้างชั่วคราวของพวกพิทักษ์ป่า มากลางเต้นท์รอบบ้าน เฮฮา ๆ เขาก็ไม่ขาย บอกว่าทำเพื่อเด็กไม่มีโรงเรียนไปเรียน ไม่ขาย เลยสั่งแก้ผ้าอาบน้ำตอนเย็นให้ลูกสาวดู"
นอกจากนั้นยังมีข้อมูลว่าก่อนที่นายจันทร์จะยอมขายที่ดิน ก็มีพระชั้นผู้ใหญ่ในวัดประกาศในโรงอาหารของวัดว่า"คืนนี้ลูกสาวตาจันทร์เรียบร้อย เสร็จแน่" และรุ่งขึ้นพระรูปเดิมก็กล่าวย้ำอีกว่า"ลูกสาวตาจันทร์เรียบร้อยไปแล้ว วิ่งตามไอ้หนุ่มไปแล้ว" ต่อมานายจันทร์ก็ยอมขายที่ โดยไม่ทราบสาเหตุ แต่สุดท้ายก็มีคนมาให้ข้อมูลว่าเป็นผู้พาหน่วยพิทักษ์ป่าไปปล้ำผู้หญิง ที่โรงเรียนแสงเทียนพิทยา
ส่วนนางแสงเทียน แพทย์เจริญ ภรรยาของนายจันทร์เปิดเผยว่า เหตุการณ์ในครั้งนั้นครอบครัวเราไม่มีวันลืม เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเรื่องจริง มีบางเรื่องที่เลวกว่านี้ คนชั่วสั่งให้หน่วยพิทักษ์ป่ามาสร้างส้วมและสั่งให้ทำให้สกปรกที่สุด มีน้ำเฉอะแฉะที่เหม็นมากเพราะเป็นน้ำอึ้นำฉี่ทั้งนั้น มีหนอนตัวใหญ่ไต่กันยั่วเยี้ยเต็มไปหมด แต่ปรากฎว่าเมื่อส้วมสกปรกไม่มีใครทำความสะอาด ก็สั่งให้คนมายืนฉี่หันหน้ามาทางบ้านตน
"เรามีลูกสาว ก็ว่าเอ๊ะ! มันอะไรกันนักกันหนา ถึงเป็นที่ของคุณก็จริง แต่ทำอย่างงี้มันอนาจารมากไป มันแกล้งสารพัดวิธีการที่เลวร้าย เช่นเราปั่นจักรยานไปทำธุระในย่านแถบนั้น มันก็สั่งให้คนขับอีแต๋นหรือกะบะแกล้งขับเฉี่ยวเราจนต้องลงไปนอนอยู่ในป่าหญ้าคา เวลาฝนตกฟ้าร้องบ้านเราต่ำกว่าที่ซึ่งมันถมไว้ น้ำก็ไหลมาขังท่วมจนไม่มีที่อยู่ ต้องยืนกินข้าวบนที่นอน"นางแสงเทียนเล่าด้วยน้ำเสียงสะเทือนเมื่อพูดถึงเหตุการณ์ในอดีต
นางแสงเทียนกล่าวว่าการบีบคับคนชั่วพวกนี้ทำในสิ่งที่คนธรรมดาไม่กล้าทำ ไม่กลัวบาปกรรม ส่วนเรื่องลูกสาวที่โดนกลั่นแกล้งกระทำที่สุดชั่วนั้น ไม่อยากจะพูดที่มีข่าวหรือพูดมานั้นมันเป็นเรื่องจริง ก่อนหน้าที่วัดจะก่อสร้างก็รู้จักพระในวัดพอสมควรโดยเฉพาะพระเผด็จ ทัตตชีโวรองเจ้าอาวาส ที่สมัยสร้างวัดยังไม่ได้บวช ก็ถูกส่งมาดูแลเฝ้าที่ ซึ่งก็ไม่มีการหุงหาอาหารก็เดินมากินข้าวที่บ้าน และมาขอให้ช่วยหาช่างให้หน่อย พอใกล้จะเสร็จ ก็หักค่าแรงมีข้ออ้างสารพัดอย่าง ให้ทำต่ออย่างโน้นทำอย่างงี้ ไม่ได้เป็นไปตามที่ได้ตกลงกันไว้
"ในที่สุดเราต้องตัดสินใจขายที่ดินเพราะรำคาญ และลูกชาย 3 เป็นคนอารมณ์ร้อน ไม่อยากให้เกิดการฆ่ากันตาย ตอนตัดสินใจขายก็เสนอราคาไป 1,000,000 บาท ทางวัดก็เฉยๆ และเอาเงินมาให้แค่ 500,000 บาทเท่านั้น ก็ถามว่าทำไมให้มาเท่านี้ไม่ได้ตามที่ตกลงกัน พระเผด็จบอกว่าถ้าพูดมากจะไม่ให้ "
ทางด้านนายวีระเดช แพทย์เจริญ ลูกชาย กล่าวว่าเรื่องอิทธิพลของวัดนี้ไม่เคยกลัว ถึงตายก็ไม่กลัวช่วงนั้นมันเป็นอะไรที่สุดๆ แล้ว แต่แม่ไม่เคยเล่าอะไรให้ฟังหรือรับรู้เรื่องต่างๆ เลย กลัวลูกจะเสียอนาคต เพิ่งมารู้เอาตอนหลัง ส่วนนางถนอม แพทย์เจริญ น้องสะใภ้นางแสงเทียนเปิดเผยว่าวัดนี้ได้กระทำการที่โหดร้ายกับชาวบ้าน ตอนที่ขยายที่วัดบุกรุกที่บีบบังคับทุกทาง ที่จะอยู่ก็ไม่มี ลากปืนลากพร้ามาไล่ที่ร้องไห้กันจนน้ำตาเป็นสายเลือด ที่ต้องจากไปจากที่ๆที่อยู่กันมานาน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.ระยองว่าวิทยาลัยเทคนิคระยอง ได้เกณฑ์เด็กนักเรยนไปวัดพระธรรมกายโดยใช่อาจารย์ในวิทยาลัยเป็นผู้บังคับ ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ปกครองอย่างมาก เพราะใช้การให้คะแนนเป็นเครื่องบังคับ หากใครไปที่วัดจะได้คะแนนในวิชชาพุทธศาสนาเพิ่มเป็น 20 คะแนน และจะเดินทางทุกวันศุกร์ เสาร์และอาทิตย์ เสียค่ารถคนละ 100 บาท โดยมีมูลนิธิกัลยาณมิตรจังหวัดระยองเป็นผู้ประสานงานทั้งหมด
ที่จ.อยุธยาผู้สื่อข่าวรานงานว่าน.ส.สมหมาย โฉมวิไล ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวะพระนครศรีอยุธยาจะไม่ยอมออกหนังสือขออนุญาตผู้ปกครองให้นักศึกษาไปร่วมกิจกรรมวัดพระธรรมกายและห้ามไม่ให้พระวัดดังกล่าวมาพูดในวิทยาลัย และได้เรียกอาจารย์สาวที่เป็นสาวกของวัดมาพบเพื่อชี้แจงเรื่องดังกล่าวด้วย เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับทางวิทยาลัย
สำหรับอาจารย์สาวสาวกผู้นั้นก็ยังเดินไปตามห้องเรียนต่าง ๆ พูดชักชวนให้เข้าร่วมกิจกรรมของวัดโดยเฉพาะการเกณฑ์ไปในวันที่ 28-29 ม.ค.นี้ เพื่อร่วมงานบวชอุบาสกแก้ว แต่ปรากฎว่าเมื่อมีข่าวอื้อฉาวออกมาก็เลื่อนการเดินทางโดยจะเดินทางมาในวันที่ 30 ม.ค.แทน โดยวัดจะจัดรถมารับ และถึงแม้วิทยาลัยจะไม่สนับสนุนแต่มีการติดป้ายผ้าผืนใหญ่ไว้ที่กำแพงให้ไปบวช ซึ่งนักศึกษาหลายคนเกรงกลัวว่าอาจมีการใช้อำนาจมิชอบในการให้เกรดวิชาพุทธศาสนาหรือวิชาอื่นก็เป็นไปได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับกรณีที่ชาวนาโดยการนำของพระบานเย็น ชินวโร แจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าอาวาสวัดและพวกรวม 5 กระทง พ.ต.อ.สมพงษ์ คงเพชรศักดิ์ ผกก.3ป. เปิดเผยว่าได้มีการสั่งการในทางลับให้ลงไปตรวจสอบพื้นที่และสอบปากคำชาวบ้าน รวมถึงได้มีการรวบรวมเอกสารเกี่ยวกับมูนิธิธรรมกาย โดยจะมีเรียกประชุมในวันที่ 20 มกราคมนี้