ธรรมกายทวงเงินไม่คืนด่ากราด

วัดธรรมกายเก็บโต๊ะบริจาคเงินสร้างพระหมื่นบาทชั่วคราว หลังถูกทวงเงินคืน แฉเหลี่ยมวัดฉาวพอถูกทวงเงินก็รีบพาเจ้าทุกข์หนีนักข่าว หลบพ้นก็ไสส่งให้พ้นวัด แถมยังมีสาวกรุมโทรฯมาด่ากราด ระบุไปชักชวนคนมาเป็นพันทำบุญสร้างพระสุดท้ายก็มีแต่หนี้ไม่เหมือนกับที่โฆษณา สำรวจใจกลางวัดพบกุฎิหรูกว่า 20 หลังบนเนื้อที่ 100 ไร่ สงสัยเป็นที่อยู่บุคคลสำคัญมียามรักษาการณ์แน่นหนา แถมมีนกยูงเดินเล่นให้เห็นด้วย กองปราบหอบเอกสารมูลนิธิฯไปประกอบสำนวน ก่อนส่งกำลังชุดใหญ่เข้าวัด

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.ปทุมธานีว่า เมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมาเวลา 11 น. พ.ต.ท.ระพีพงษ์ สุพรศรี รองผกก.3ป. ร.ต.อ.สุรพล เปรมบุตร สว.ผ.5กก.3ป. เดินทางมายังศาลากลางจังหวัดปทุมธานี เพื่อตรวจสอบหลักฐานเอกสารต่าง ๆ ที่วัดพระธรรมกายยื่นต่อจังหงัด โดยมีนายเปี่ยม เขียวร้อง เจ้าหน้าที่ปกครอง 3 เตรียมเอกสารต่าง ๆให้ตรวจสอบ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3 ขั่วโมง
สำหรับรายละเอียดในเอกสารพบว่ามูลนิธิธรรมกายเดิมชื่อมูลนิธิธรรมประสิทธิ์ จดทะเบียนในกรุงเทพฯ และเมื่อวันี่ 15 ม.ค. 2525 ยื่นขอเปลี่ยนชื่อเป็นมูลนิธิพระธรรมกาย และต่อมาเมื่อวันที่ 17 สงิหาคม 2526 เปลี่ยนชื่อเป็นมูลนิธิธรรกมายเพื่อให้เข้าใจชัดว่าวัดพระธรรมกายกับมูลนิธิไม่ใช่สถาบันเดียวกัน แตกต่างกันทั้งด้านการดำเนินงานบริหาร ทรัพย์สินเบื้องต้นงบดุลเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2519 มีสินทรัพย์รวม 8.8 แสนบาทและงบดุลล่าสุดเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2541 มีทรัพย์สินรวม 171.39 ล้านบาท
จากเอกสารยังพบว่ามูลนิธิธรรมกายโดยพระเผด็จ ทัตตชีโว ประธานมูลนิธิสมัยนั้น ทำหนังสือลงวันที่ 21 เมษายน 2528 ถึงราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ เพื่อขพระราชทานให้มูลนิธิอยู่ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ผ่านทางจังหวัดปทุมธานี และนายไพบูลย์ ทองมิตร รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำหนังสือแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เพื่อขอความเห็นและตรวจสอบรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อจะนำความบังคมทูลพระกรุณาประกอบพระราชวินิจฉับ และหลังจากนหังสือฉบับนี้ไม่ปรากฎว่าจังหวัดได้รับแจ้งให้มูลนิธิได้รับอนุญาตให้อยู่ในพระบรมราชินูปถัมภ์แต่อย่างใด
พ.ต.ท.ระพีงษ์ ยังเดินทางไปวัดมูลจินดาราม อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เพื่อพบพระสุเมธาภรณ์-รักษาการณ์เจ้าคณะจังหวัดปทุมธาน แต่ได้รับแจ้งว่าพระสุเมธาภรณ์ป่วย และจำวัดอยู่ เจ้าหน้าที่จึงเดินทางกลับ และมีการนำเอกสารกว่า 500 หน้ากลับไปประกอบสำนวน ก่อนที่จะตรวจค้นวัดโดยใช้เจ้าหน้าที่กองปราบชุดใหญ๋พร้อมผู้บังคับบัญชา
น.ส.พนิดา เอี่ยมปี นิติกรสำนักงานสรรพากร จ.ปทุมธานี กล่วว่าการตรวจสอบมูลนิธิธรรมกายไม่ค่อยได้รับความร่วมมือ ซึ่งนัดหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าสำหรับบรรยากาศในวัดพระธรรมกายหลังจากมีการร้องขอเงินคืนปรากฎว่าบริวเณสำนักงานหใญ่มูลนิธิธรรกมายที่เคยมีโต๊ะตั้งเป็นแถวแนวยาวสำหรับเจ้าหน้าที่มารับบริจาคเงิน และแจกเอกสารชักชวนคนสร้างพระธรรมกายประจำตัว ปรากฎว่าวันนี้กลับไม่มี ลานจอดรถก็ว่างมีแต่รถของเจ้าหน้าที่ และมีทหารในเครื่องแบบมาจากกองพันสารวัติทหารบก 2 นาย เปลี่ยนเวรกันเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง และมีการตรวจตรารถยนต์ท่จะเข้าไปในบริวเณเขตสังฆาวาส ที่มีป้ายห้ามบุคคลภายนอกเข้า
บริเวณดังกล่าวจะมีเรือนพักของสงฆ์หลังเดี่ยวแยกกันประมาณกว่า 20 หลัง บนเนื้อที่ 100 ไร่ มีกำแพงล้อมรอบ ประตูทางเข้าออกมียามรักษาการแน่นหนา และมีหลังหนึ่งใหญ่เป็นพิเศษ มีนกยูงที่เป็นสัตว์หวงห้ามอยู่ 9 ตัว เดินหาอาหารที่มีผู้นำมาเลี้ยง คาดว่าจะเป็นเรือนพักของบุคคลสำคัญในวัด
นายสุวัฒน์ เงินฉ่ำ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานคระกรรมการวบรวมข้อมูลกรณีวัดพระธรรมกายเปิดเผยว่าตนและกรรมการอีก 2 คนลงไปหาข้อมูลที่วัดโดยได้รับความร่วมมือจากเจ้าอาวาสและรองเจ้าอาวาสอยา่งดี โดไยด้ตอบคำถามทุกประเด็นที่สงสัยเช่นเรื่องที่ดิน เพราะโฉนดระบุชื่อเจ้าอาวาสเป็นเจ้าของ ซึ่งได้ชี้แจงว่าบางครั้งผู้ที่มาบริจาคต้องการระบุชื่อผู้ที่ต้องการให้อย่างชัดชเน ส่วนกรณีมีข่าววัดรวบรวมที่ดินจำนวนมากก็เป็นเรื่องจริง แต่ทั้งหมดเพื่อกิจการศาสนา
ส่วนเรื่องเงินบริจาคที่สื่อมวลชนลงไปก็เป็นเพียงบางส่วน เพราะความจริงวัดแบ่งเงินเป็น 2 ส่วนคือเงินบริจาคและเงินมูลนิธิที่ผู้บริจาคระบุวัตถุปประสงค์ชัดเจน และเงินบริจาคจะไม่นำไปใช้ซื้อที่ดินส่วนหรือหรือใช้ส่วนตัวเด็ดขาด สามารถตรวจสอบได้ทุกเรื่อง ส่วนเรื่องการตัดต้นโพธิ์ยังไม่มีการสอบถามรายละเอีดยและพาไปดูต้นโพธิ์ในวัดก็ไม่มีรายอตัว ส่วนเรื่องกรีนการ์ดก็จบแล้วเพราะไม่ใช่เรื่องจริง
ในวันที่ 22 ม.ค.นี้จะมีการนำข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์ ก่อนเสนอพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 เพื่อพิจารณาต่อไป และถ้าพระพรหมโมลีมีข้อสงสัยก็จะลงไปหาข้อมูลและสอบถามความจริงอีกครั้ง
บ่ายวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบนายวิชัย และนางกนกวรรณ์ เลิศตระกูลพิทักษ์ ซึ่งเคยบุกไปทวงเงินค่าพระธรรมกายประจำตัวคืนจากวัด ที่บ้านพักเลขที่ 69/1775 ถ.รัตนาธิเบศ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ตึกแถว 4 ชั้น เปิดเป็นร้านทำแอร์รถยนต์ชื่อร้านวีเคแอร์ หน้าร้านได้ติดประกาศขายตึก ส่วนภายในร้านมีรูปภาพโปสเตอร์ของวัดพระธรรมกาย รูปหลวงพ่อปัญญา วัดชลประทานรังสฤษดิ์ และพระเกจิที่มีชื่อเสียงอื่นๆ ติดอยู่
นายวิชัยและนางกนกวรรณ์เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับเงินคืน โดยวันที่ไปทวงถาม น.ส.ชุลีพร ช่วงรังษี เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์มูลนิธิ พาขับรถหลบผู้สื่อข่าวและคอยโทรศัพท์เช็คอยู่ตลอดว่าผู้สื่อข่าวกลับไปหมดหรือยัง จนกระทั่งเวลา 18.00 น. จึงพากลับมาส่งยังที่จอดรถ และไม่ยอมพูดถึงเรื่องคืนเงินแต่อย่างใด
หลังจากที่ตกเป็นข่าวเรื่องทวงเงินทำบุญจากวัดพระธรรมกายคืน ปรากฏว่าทั้งคืนทั้งวันที่ผ่านมาได้รับความทุกข์ทรมานทางจิตใจมาก เนื่องจากมีเสียงโทรศัพท์ดังไม่ขาดสายทั้งคืน ส่วนใหญ่จะโทร.มาต่อว่า บางรายเป็นคนที่เคยชวนไปทำบุญด้วยโทร.มาทวงถามเงินทำบุญคืนจากพวกตน
นายวิชัยกล่าวว่า กรณีที่มูลนิธิธรรมกายกล่าวหาว่านางกนกวรรณ์ภรรยาของตนเคยมีประวัติเป็นบ้า เคยเข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศรีธัญญานั้น ความจริงเคยเข้าไปให้แพทย์ตรวจรักษาอาการโรคเครียด งฐานะทางเศรษฐกิจของตนขณะนี้ ทั้งร้านอาหาร ร้านซ่อมแอร์ ต่างประสบปัญหา บ้านที่อยู่ก็กำลังจะถูกธนาคารยึด เพราะเป็นหนี้สินอยู่ถึง 6,000,000 บาท ประกอบกับนางกนกวรรณ์ได้นำเงินไปสร้างพระประจำตัว สร้างมหาธรรมกายเจดีย์ที่วัดพระธรรมกายเป็นเงินกว่า 200,000 บาท โดยทำให้ครอบครัวประกอบด้วยลูกเล็กๆอีก 2 คน นอกจากนี้ยังชักชวนญาติพี่น้องให้เข้าทำบุญด้วย ตนไม่เคยศรัทธาวัดพระธรรมกายมาก่อนเลย ภรรยาแอบไปเอง ตนไม่เห็นด้วยกับวิธีการของทางวัดพระธรรมกายหลายอย่าง อาทิ โฆษณาชักชวนให้คนมาบวชอุบาสกแก้วจำนวน 100,000 คน ในวันที่ 29-31 ม.ค.ที่จะถึงนี้โดยใช้ภาพไม่เหมาะสม
ด้านนางกนกวรรณ์กล่าวว่า กลัวอิทธิพลของวัดพระธรรมกายมากเนื่องจากมีลูกศิษย์ลูกหามากมายทั่วไป กลัวจะมาทำร้ายเอา ลูกเราก็ยังเล็กอยู่ ที่ผ่านมาได้ทำหน้าที่ผู้นำบุญตามที่ได้รับการปลูกฝังและสั่งสอนว่าเป็นผู้นำบุญจะได้บุญมาก จึงได้ไปชักชวนคนมาสร้างพระประจำตัวจำนวนมาก ไม่ใช่แค่เป็นร้อยๆคน แต่มีจำนวนนับพันๆคน มีทั่วต่างจังหวัดก็มี เป็นสายๆ เป็นเครือข่ายเช่นเดียวกับธุรกิจขายตรง เหมือนบริษัทแอมเวย์
"ปัจจุบันไม่ใช่ว่าทำบุญมากจะได้มาก ปรากฏว่าที่ได้มากคือพวกกัลยาณมิตรสายบุญเดียวกันโทร.มาด่ากันมาก พร้อมทั้งทวงถามหาเงินที่ทำบุญไปแล้ว เพราะคิดว่าเราได้เงินจากวัดพระธรรมกายคืนมาแล้ว"
นางกนกวรรณ์กล่าวต่อไปว่า เคยไปขอพบเพื่อปรึกษากับพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาส 2-3 ครั้งแต่ก็ไม่ได้พบ อ้างว่ามีแขกอยู่ ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นเคยขอเข้าพบเพื่อบริจาคเงินกลับได้พบง่ายดาย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้คิดว่าถ้าได้เงินคืนมาจะได้บุญมากกว่า เพราะจะนำมาช่วยสามีและแม่ที่เดือดร้อนเรื่องการเงิน ซึ่งแม่มาทวงถามถึงเงินที่ได้ทำบุญสร้างพระประจำตัวไปแล้ว ที่ได้สร้างพระจำนวนมากมายนั้นก็เนื่องจากเพื่อนของตนเป็นผู้นำบุญได้บริจาคเงินสร้างพระประจำตัวไปแล้วอ้างว่าได้อธิษฐานขอให้ขายที่ดินได้ ปรากฏว่าขายได้ ตนจึงหลงเชื่อ ทำตามแบบอย่างโดยสร้างพระประจำตัวมากๆ จนพากันเดือดร้อนไปทั้งหมด