ธรรมกาย โต้กรีนการ์ดธัมมชโย
เลขา รมว.ย้ำบัตรเขียวสหรัฐของจริง

ศิษย์ธรรมกายทุรนทุราย ทนไม่ได้กับข่าวเจ้าอาวาสมีกรีนการ์ดที่แปลงสัญชาติเป็นคนอเมริกัน โทรไปโวยลั่นพรรคประชาธิปัตย์ เลขารมว.ต่างประเทศย้ำอีกครั้ง"ธัมฺมชโย"ได้บัตรเขียวจริง มีคำยืนยันจากกองหนังสือเดินทางด้วย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสธรรมกายอ่านหนังสือไม่แตก โต้เจ้าอาวาสไม่เคยเดินทางไปสหรัฐฯ พร้อมบอกว่าอย่าไปเชื่อแหล่งข่าวที่ไม่ออกชื่อ ทั้ง ๆที่ในข่าวก็ย้ำเป็นชื่อ"องอาจ คล้ามไพบูลย์"เป็นผู้ให้ข้อมูล ส.ศิวรักษ์ให้จับตาอาจเกิดรายการบินไปตั้งรกรากที่สหรัฐฯ ระบุสาขาวัดธรรมกายใหญ่สุดในเมืองลุงแซมแล้ว สรรพากรตั้งทีมล่าภาษีวัด พระอดิศักดิ์ที่ออกมาแฉความไม่ชอบมาพากลวัดธรรมกายได้ที่อยู่แล้ว แต่ปิดลับ

จากกรณีที่นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ออกมายืนยันว่าจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าพระไชยบูลย์ สุทธิผลหรือไชยบูลย์ ธัมฺมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายมีกรีนการ์ด หรือใบอนุญาตเข้าสหรัฐฯแบบถาวรซึ่งมักจะให้กับนักธุรกิจที่เข้าไปลงทุนในสหรัฐฯนั้น
เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมานายองอาจยืนยันกับ"เดลินิวส์"อีกครั้งว่าจากรายงานมีเรื่องนี้จริง โดยเฉพาะคำยืนยันจากกองหนังสือเดินทาง กระทรวงการต่างประเทศ และได้มีการมอบหมายให้ตามรายละเอียดทั้งหมด
"ตั้งแต่มีข่าวเรื่องนี้ปรากฎว่ามีคนโทรศัพท์เข้ามาหาผมมากมายเพื่อถามว่ายืนยันได้หรือไม่ ผมตอบไปว่ายืนยันได้ นอกจากนั้นยังมีโทรศัพท์อ้างว่าเป็นลูกศิษย์วัดพระธรรมกายไปต่อว่าผมที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งผมก็คงไม่ว่าอะไร"
ขณะเดียวกันที่"เดลินิวส์" ก็ได้มีลูกศิษย์วัดพระธรรมกายโทรศัพท์มาเช่นกัน โดยไม่เชื่อเรื่องกรีนการ์ด และส่วนใหญ่จะทำใจกับข่าวนี้ไม่ได้ พร้อมทั้งพยายามเรียกร้องขอข้อมูลและหลักฐาน
นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนและนักเขียนวิจารย์สังคม ให้สัมภาษณ์ถึงการมีกรีน การ์ด ของเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ว่า การที่พระธัมฺมชโยได้รับกรีน การ์ดจากทางการสหรัฐอเมริกานี้ มองได้ว่าส่อเจตนาจะไปตั้งรกรากในอเมริกา
ถ้าจะมองถึงการมีกรีน การ์ดมีความผิดหรือไม่นั้น ต้องกล่าวว่ามองให้ผิดก็ผิดถ้าจะว่าไม่ผิดก็มองได้ ทั้งนี้กรีนการ์ดไม่ได้มีในสมัยพุทธกาล พระไตรปิฎกจึงมิได้บัญญัติไว้ ขึ้นอยู่ที่ว่ามีความเหมาะสมมากหรือน้อย แต่ในทางสังคมแล้วกรีนการ์ดมีไว้สำหรับคนที่ต้องการไปทำงานทำธุรกรรมในอเมริกา และเป็นทางสะดวกในการเดินทางเข้าออกสหรัฐ ที่เป็นเรื่องของฆาราวาสพึงกระทำ
"สรุปว่ากรีน การ์ดเหมาะสมกับคนทำงานทำธุรกิจ ส่วนคนที่เป็นพระมองได้ว่ามีทางเป็นไปได้สูง ในกรณีที่จะไปอยู่ในอเมริกา เพราะขณะนี้วัดพระธรรมกายนำเงินไปปลูกสร้างวัดที่อเมริกาในหลายแห่งหลายรัฐ จนสามารถกล่าวได้ว่าวัดพระธรรมกายใหญ่ที่สุดในอเมริกา อีกประการเป็นเรื่องของอดีตพระยันตระเคยสร้างตัวอย่างไว้แล้ว ที่ไม่มีใครตามไปนำตัวมาดำเนินคดีเลย "
นายเชาว์ ศรีกมล สรรพากรจังหวัดปทุมธานี กล่าวถึงความคืบหน้าประเด็นเรื่องการสอบภาษีของวัดพระธรรมกายว่าสรรพากรจังหวัดตั้งคณะทำงานติดตามประมวลผลการตรวจสอบภาษีของวัดนี้ขึ้นมา1ชุดแล้วมีตนเป็นประธานฯ ส่วนกรรมการเป็นตัวแทนจากส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้อง และในวันที่20มกราคม นี้จะมีการประชุมประเมินผลการตรวจสอบภาษีของวัดพระธรรมกายเพื่อสรุปปัญหาที่เจ้าหน้าที่ระดับจังหวัดไม่สามารถดำเนินการได้โดยลำพังจากนั้นจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาสั่งการต่อไป
นายอรรถสิทธิ์ ทรัพยสิทธิ์ โฆษกกรรมาธิการการศาสนา กล่าวว่า ในวันที่ 13 มกราคมนี้ กรรมาธิการจะสรุปประเด็นปัญหาของวัดพระธรรมกายคือ 1.ธุรกิจของวัดพระธรรมกาย 2.การถือครองที่ดินของเจ้าอาวาส และ 3.เรื่องกรีนการ์ดและสัญชาติของอเมริกัน ซึ่งอยู่ในความสนใจของประชาชนและชาวพุทธเอง เพราะตามหลักการแล้วพระมีหน้าที่เผยแพร่ศาสนา ถ้าไปทำธุรกิจแสวงหากำไรก็เท่ากับยังตัดทางโลกไม่ได้ ถ้าเป็นอย่างนี้ควรสึกออกมาเป็นฆารวาสให้รู้รอดไปเลย ซึ่งจะทำให้ศาสนาไม่มัวหมองไปด้วย
จากข้อมูลที่มีการโยงใยกันเป็น100 บริษัท แม้ไม่มีชื่อพระไชยบูลย์ ธัมฺมชโย เจ้าอาวาสร่วมเป็นกรรมการ แต่ก็ยังเป็นที่คลางแคลงของคนทั่วไปว่าเหตุใดบรรดาญาติพี่น้องของพระรวมถึงญาติธรรมต่างๆจึงร่วมกันจดทะเบียนลงทุนจัดตั้งบริษัทมากมายทำเหมือนกับว่าวัดพระธรรมกายแห่งนี้จะกลายเป็น บริษัทธุรกิจ ไป ซึ่งกรณีอย่างนี้ ไม่เป็นผลดีกับศาสนาพุทธเลย
ส่วนเรื่องการถือครองที่ดินในนามของเจ้าอาวาสจำนวนนับพันๆ ไร่ นั้น ทำไมเจ้าอาวาสจึงไม่ใส่ชื่อมูลนิธิหรือใส่ชื่อวัดแต่ไปใส่ชื่อตนเองจึงทำให้มีปัญหาว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินส่วนตัวของพระหรือว่าเป็นที่ดินของวัดกันแน่และจุดนี้ก็มีปัญหาตามมาตรงที่เม็ดเงินที่นำไปซื้อที่ดิน เป็นเงินบริจาคของชาวบ้านที่ให้วัดพระธรรมกายหรือว่าเป็นเงินส่วนตัว คงต้องไปตีความกันเองว่าพระมีเจตนาอย่างไร และจะเข้าข่ายกระทำผิดกฏหมายหรือไม่ สุดท้ายการถือกรีนการ์ดหรือครองสัญชาติอเมริกันวันที่13ม.ค.นี้จะเชิญตัวแทนกระทรวงการต่างประเทศและตัวแทนสถานฑูตอเมริกันมาตอบข้อซักถามด้วย ซึ่งจะทำให้ได้รับความกระจ่างมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวได้พบกับคนไทยในนิวยอร์ค ที่เล่าให้ฟังว่าศูนย์ปฏิบัติธรรมนิวเจอร์ซี่ ซึ่งเป็นสาขาของวัดพระธรรมกายได้เชิญชวนคนไทยในสหรัฐฯบริจาคเงินคนละ 300 เหรียญ ถ้าใครทำครบ 300 เหรียญจะได้พระเหล็กไหลรุ่นดูดทรัพย์ไป เงินทั้งหมดมีการระบุจะใช้สำหรับการสร้างวัด รวมถึงมีการแอบอ้างคุณสมบัติของพระมากมาย อาทิถ้าไม่มีบุญจะไม่มีไว้ครอบครองเพราะเป็นเหล็กไหลหายากมาก จนบางคนที่ลูกหลาน 10 คนก็ทำบุญคนละ 300 เหรียญ
ปรากฎว่าคนไทยในนิวยอร์คได้บริจาคเงินจำนวนมากเพราะต้องการบุญ และต่างก็ได้รับข่าวสารจากประเทศไทยล่าช้ากว่าปกติ จนกระทั่งเมื่อมาอ่านข่าวปัญหาของวัดแล้วก็รู้สึกสงสารตัวเองที่ทำงานหาเงินแล้วเอามาซื้อก้อนหินไปยึดเหนี่ยวจิตใจ
ส่วนนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงข้อเรียกร้องให้รัฐบาลลงไปจัดการกับปัญหาวัดพระธรรมกายว่ามีหน่วยงานที่คอยดูแลอยู่แล้วคือกระทรวงศึกษาธิการและมหาเถรสมาคม จะไม่เข้าไปยุ่ง ว่ากันไปตามข้อเท็จจริง
พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) หรือหลวงพ่อปยุต ปยุตฺโต พระนักปราชญ์ชื่อดังแห่งวัดญานเวศกวัน พุทธมณฑล จ.นครปฐม กล่าวเตือนสติพุทธศาสนิกชนภายหลังเสร็จสิ้นการปาฐกถาพิเศษเรื่อง "พระพุทธศาสนาเพื่อสันติภาพของโลก" ณ หอประชุมพุทธมณฑล และเดินทางกลับถึงวัด เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยกล่าวว่า ปัจจุบันชาวพุทธกำลังเข้าใจคำว่าบุญหรือกุศลคลาดเคลื่อนไปจากหลักพระพุทธศานา เพราะคิดกันแต่เรื่องใช้เงินทำบุญเป็นหลัก ทั้งๆที่การทำทานเล็กๆน้อยๆ การทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมด้วยจิดอันเป็นกุศลก็ถือว่าได้บุญมากแล้ว ในสมัยพุทธกาล สมัยพระพุทธเจ้าก็ไม่เคยมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง
ต่อกรณีที่มีชาวพุทธบางกลุ่มเชื่อว่าการทำบุญด้วยเงินมากๆจะได้บุญมากหรือการซื้อบุญ รวมถึงกรณีมีบางวัดบางมูลนิธิของวัดทำธุรกิจหาเงินนั้น พระธรรมปิฎกกล่าวว่า เป็นความ "แคบ" และเป็นความ "เคลื่อน" การทำบุญนั้นต้องสัมพันธ์กันหลายๆอย่างถึงจะได้บุญ พฤติกรรมต้องดี มีศีล ไม่เบียดเบียนผู้อื่นโดยเจตนา ไม่ใช่ไม่เบียดเบียนเพราะไม่กล้ากลัวตัวเองเดือดร้อน จิตใจจะต้องดีงาม มีเมตา และก็ต้องมีปัญญา ต้องพัฒนาปัญญาให้เป็นกุศล ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้เป็นองค์ประกอบเดียวกันกับการสร้างสันติสุขหรือสันติภาพให้เกิดต่อ มวลมนุษยชาติ หากทำได้ตามนี้จะเป็นบุญกุศลสูงสุดด้วยซ้ำ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากๆแต่อย่างใด
พร้อมกันนี้ พระธรรมปิฎกยังกล่าวด้วยว่า การทำบุญทำกุศล การทำความดีนั้น แม้จะเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าทำมากเกินไปเกินขอบเขตมันก็เคลื่อน ความแคบและความเคลื่อนเหล่านี้นับวันจะทวีขึ้นเรื่อยจนอาจถึงขั้นต้องมีการสะสางกัน
ในวันเดียวกันพระปลัดสุธรรม สุธัมโม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายทำหนังสือยืนยันมาอีกครั้งว่าเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายไม่เคยได้รับกรีนการ์ดและไม่เคยไปสหรรัฐฯ และเคยทำหนังสือชี้แจงมาแล้ว และวัดพระธรรมกายขอถามว่าในการนำเสนอข่าวโดยอ้างแหล่งข่าวในกระทรวงการต่างประเทศนั้นมีผู้ให้ข่าวจริงหรือไม่ การลงข่าวเช่นนี้ทำให้วัดและเจ้าอาวาสได้รับความดูหมิ่นเกลียดชัง ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างยิ่ง
วัดพระธรรมกายยังตั้งข้อสงสัยว่าทำไมหนังสือพิมพ์เดลินิวส์และหนังสือพิมพ์อีกฉบับที่รายงานข่าวเรื่องนี้จึงผิดแปลกจากฉบับอื่น และเนื้อความเหมือนกันเกือบทุกตัวอักษร น่าสงสัยว่าจะมีเบื้องหลังอะไร
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานคำชี้แจงของพระปลัดสุธรรมเป็นเท็จโดยสิ้นเชิง โดยประเด็นที่ระบุว่าข่าวดังกล่าวอ้างแหล่งข่าว แต่ในข้อเท็จจริงการรายงานข่าวนี้"เดลินิวส์"ระบุชัด ๆ โต้ง ๆ ว่านายองอาจ คล้ามไพ บูลย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ให้ข่าว ส่วนการที่ระบุว่าเนื้อหาของข่าวของหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวนี้ 2 ฉบับ เหมือนกัน ในความเป็นจริงข่าวนี้ไม่เหมือนกันเลยทั้งในการเรียงประโยคตั้งแต่เริ่มต้นประโยค จนจบเนื้อหา รวมถึงเนื้อหาในแต่ละประโยคก็แตกต่างกันทั้งประธาน กริยา และกรรม รวมถึงคำขยายต่าง ๆ เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าวัดนี้อ่านภาษาไทยไม่แตกฉานจริง ๆ
ส่วนพระพิศาลธรรมวาที หรือ พระพยอม กัลยาโณ ประธานมูลนิธิวัดสวนแก้ว กล่าวถึงการรับพระอดิศักดิ์ วิริยฺสโก อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย มาจำวัดที่วัดสวนแก้ว ว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถให้พระอดิศักดิ์มาจำวัดที่วัดสวนแก้วได้ ทั้งนี้มีสาเหตุมาจากต้องให้พระชั้นผู้ใหญ่ได้หารือกันจนได้ข้อยุติเสียก่อน มิเช่นนั้นจะกลาย เป็นการหักหน้าพระผู้ใหญ่ หรือไม่แล้วก็ต้องรอให้เรื่องของวัดพระธรรมกายจบสิ้นลงเสียก่อน ซึ่งตอนนี้พระผู้ใหญ่มองว่าวัดพระธรรมกายยังมีกิจกรรมที่ถูกต้องอยู่ เมื่อทุกอย่างจบสิ้นลงการรับพระอดิศักดิ์มาจำวัดที่วัดสวนแก้ว ก็จะไม่ใช่เรื่องยากแต่จะกลายเป็นเรื่องง่ายมากๆ
"ขณะที่พระอดิศักดิ์ยังหาวัดสังกัดไม่ได้นี้ อาตมาก็จะไม่ทอดทิ้ง หากแต่จะให้การดูแลให้ปลอดภัยมากที่สุด ซึ่งไม่สามารถบอกได้ว่าอาตมาให้ไปอยู่ ณ ที่แห่งใด ต้องเข้าใจด้วยว่าขณะนี้พระอดิศักดิ์ไม่ปลอดภัยเสียแล้ว และจะไม่เปิดเผยให้ใครได้รับรู้สิ่งที่ทำได้เวลานี้นอกจากให้ความปลอดภัยแล้ว ยังต้องดูแลด้านอาหารการกินให้มีฉัน และที่สำคัญจะต้องไม่เป็นการผิดต่อพระวินัยสงฆ์ด้วย"