แกะสัมพันธ์ธรรมกาย-บัณฑิตนคร

แกะสัมพันธ์ธุรกิจสายวัดพระธรรมกาย จุดเริ่มจาก 3 บริษัทที่ดินนัวเนียกับวัดแยกไม่ออก ผุดโครงการบัณฑิตนครไล่ซื้อที่ดินถึง 3 พันไร่ขายลูกศิษย์วัด จากนั้นกลายเป็นโครงการร้างทิ้งให้คนซื้อกำโฉนด ไปแปะฝาบ้านเล่น ระบุคนก่อตั้งบริษัทแรกเป็นอุบาสกของวัดยกแผง สุดท้ายก็บวชเป็นพระคนสนิทเจ้าอาวาสเกือบหมด ส่วนบริษัทที่เหลือเป็น กลุ่มสีกา "สามัคคีธรรม" ร่วมกันก่อตั้ง แต่แล้วแตกคอเหลือ "สีกาอี๊ด" คนเดียว วัดพระธรรมกายโต้ไม่เคยจ้างคนบวชชีถ้าใครอ้างจับได้เลย ขณะที่พระพยอมจี้กรมศาสนาจัดการสารพัดโครงการของวัดที่ดูดเงินชาวบ้านด้วย นอกเหนือจากการเล่นงานด้านคำสอน ระบุเจ้าอาวาสต้องรับผิดชอบจะมานั่งหนีหน้าไม่ได้

พระพิศาลธรรมวาที หรือพระพยอม กัลยาโณ พระนักเทศน์ชื่อดังแห่งวัดสวนแก้ว แสดงความคิดเห็นกรณีที่คณะกรรมการกลุ่มวิชาการพระพุทธศาสนาและจริยศึกษา ซึ่งมีนายยุทธชัย อุตมา รองอธิบดีกรมการศาสนา เป็นประธาน ได้ตรวจสอบการดำเนินการในด้านต่าง ๆ ของวัดพระธรรมกาย และสรุปว่ามีความผิดเพี้ยนใน 4 ประเด็น โดยระบุว่า ประเด็นต่างๆที่สรุปว่าผิดนั้นถูกต้องชัดเจนแล้ว ทั้งกรณีที่สอนว่านิพพานเป็นอัตตา การส่งเสริมอามิสบูชาหรือการทำบุญด้วยวัตถุมากกว่าการปฏิบัติ การทำบุญโดยอ้างความศักดิ์สิทธิ์ของพระเป็นรางวัล และการสร้างพระพุทธรูปปางที่ผิดเพี้ยนไม่เป็นที่ยอมรับ ว่าถ้าการสอบสวนจะให้สมบูรณ์ควรมีกรณีที่ทางวัดพระธรรมกายมีโปรเจกใหญ่โตเกินกว่าเศรษฐกิจและฐานะของประเทศในยามนี้บวกเข้าไปด้วย
การสร้างศาสนสถานใหญ่โตเกินความจำเป็นนั้นเป็นอันตราย เป็นโทษมากกว่าจะเป็นคุณประโยชน์ เป็นเสมือนอนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นโดยการเบียดเบียนเลือดเนื้อของประชาชน ทั้ง 5 ประเด็นที่กล่าวมานี้ทางวัดพระธรรมกายจะต้องหยุดต้องเลิก ทุกฝ่ายต้องช่วยกันกระตุ้นเตือนให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบและชี้ขาดดำเนินการอย่างจริงจังกับกรณีวัดพระธรรมกาย และถ้าจะให้เรื่องจบก็ต้องมีการจัดการกับพระผู้บริหารของวัด
"เจ้าอาวาสวัดธรรมกายชอบทำตัวลับ ๆล่อ ๆ มีเรื่องอะไรก็ไม่กล้าออกหน้าชี้แจงเอง โยนภาระให้กับคนอื่นอยู่ตลอด สังคมต้องไม่เพิกเฉยในเรื่องวัดธรรมกาย ต้องช่วยกันกระตุ้นเพื่อให้มีการแก้ไขสิ่งที่ผิดให้ถูกต้อง"
ส่วนกรณีที่พระอดิศักดิ์ วิริยสโก อดีตพระแกนนำวัดพระธรรมกายให้ตรวจสอบโครง การบัณฑิตนครเป็นโครงการแรกที่วัดกระโดดเข้ามาเกี่ยวข้อง และมีสีกาอี๊ดเข้ามาเป็นนายหน้ากว้าน ซื้อที่ดินในราคาถูก จากนั้นจัดสรรที่ดินขายให้กับลูกศิษย์วัดในราคาแพง แต่ไป ๆ มา ๆ ปรากฏว่าโครงการก็ไม่เกิดขึ้นและล้มพับไปในที่สุด ขณะเดียวกันพระผู้ใหญ่ซึ่งเคยบวชอยู่ที่วัดพระธรรมกายอีกรูป เปิดเผยว่าในช่วงที่ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี ราคาที่ดินได้พุ่งสูงขึ้น ทำให้มีการขอซื้อที่ดินคืนจากลูกศิษย์ โดยกล่าวว่าต้องการขยายที่ปฏิบัติธรรมของวัดและสร้างสาธารณูปโภคให้กับสานุศิษย์ แต่ครั้งนี้เมื่อซื้อกลับมาแล้วก็ตัดขายที่ดินเป็นแปลง ๆ เช่นเดิม แต่ราคาแพงขึ้นแปลงละ 2,000,000 บาท ก็ขายดี ขายเกลี้ยงไม่เหลือนั้น
เรื่องดังกล่าวนายบัวเขียว แหวนทอง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครอยุธยา เปิดเผยเพิ่มเติมอีกว่าจากการสอบถามข้อมูลเพิ่มพบว่าที่ดินบริเวณโครงการบัณฑิตนครมีบริษัทดูแวคและบริษัทบัวบานการเกษตรมาไล่ซื้อ โดยสีกาอี๊ดเป็นนายหน้ามอบหมายให้ตัวแทนหลายคนมาติดต่อขอซื้อที่ดินจากชาวบ้าน โดยมีการซื้อที่รวมแล้วกว่า 3 พันไร่ โดยนอก จากจะเป็นของหมู่ที่ 5 แล้วยังมีหมู่ที่ 3 หมู่ที่ 10 และ 11
"ที่ดินบริเวณที่ผมเป็นผู้ใหญ่บ้านทางบริษัทกว้านซื้อจะเป็นของชาวบ้านราว ๆ 20 กว่าหลังคาเรือน ซื้อในราคาไร่ละ 1-6 หมื่นบาท และบางแห่งมีชาวบ้านเช่าที่อาศัยก็มีการจ่ายค่ารื้อถอนรายละ 1-4 หมื่นบาท เจ้าของที่ดินอยู่กรุงเทพฯ"
อย่างไรก็ตามทราบว่าต่อมาทางบริษัทดูแวคได้ขายที่ดินให้กับบริษัทยูทาวน์ โดยเปลี่ยนชื่อจากโครงการบัณฑิตนครเป็นโครงการยูนิเวอร์ซิตี้ วิลเลจ จากนั้นบริษัทยูทาวน์ก็แบ่งขายเป็นแปลง ๆ ละ 5 ไร่ราคาขายไร่ละ 3 ล้านบาท และสามารถขายได้บางส่วน
นอกจากนี้ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า ที่ดินปล่อยรกร้างมานานนี้หลีกเลี่ยงการเสียภาษีบำรุงท้องที่หรือไม่ เนื่องจาก อบต. เชียงรากน้อยบอกว่าเป็นหน้าที่ อบต. แต่เพิ่งได้รับโอนอำนาจมาจากอำเภอจึงยังไม่เคยสำรวจที่ดินบริเวณดังกล่าว
ส่วนชาวบ้านที่เคยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวต้องออกจากพื้นที่ทำกิน บางรายไม่ได้รับเงินค่า ที่ แต่ได้ที่ดินอยู่อาศัยโดยแลกที่ดินในบริเวณใกล้เคียง บางรายก็ได้ที่เช่าทำกิน และมีหลายรายยืนยันจะเป็นลูกศิษย์วัดพระธรรมกายต่อไป อาทินางจวน ธรรมเจตนา บ้านอยู่หมู่ 4 ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน กล่าวว่าทุกเดือนจะมีหนังสือและจดหมายของวัดส่งมาให้ รวมทั้งเทปธรรมะ โดยนางจวนบริจาคทำบุญให้วัดทุกเดือน ไม่ทราบว่าเป็นเงินเท่าไหร่แล้ว แต่ยืนยันได้ว่ามากพอสมควร โดยบอกว่าบุญที่ทำได้แบ่งให้ญาติพี่น้องและแม่ด้วย ซึ่งนางจวนยืนยันจะทำบุญต่อไปไม่สนใจว่าวัดจะเอาเงินไปทำอะไร
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าจากการค้นหลักฐานพบว่าบริษัทดูแวค บริษัทบัวบานการเกษตร และบริษัทยูทาวน์มีความเกี่ยวข้องกันโดยมีวัดพระธรรมกายเป็นแกนแห่งความสัมพันธ์ รวมถึงมีความเกี่ยวพันกับบุคคลและพระในวัดพระธรรมกายด้วย
ข้อมูลล่าสุดที่ตรวจสอบได้เพิ่มขึ้นก็คือบริษัทดูแวคนั้นผู้ก่อตั้งบริษัททุกคนต่างเกี่ยวพันกับวัดทั้งหมด โดยผู้ร่วมก่อการทั้งหมดมี 7 คนปรากฏว่า 5 คนเป็นอุบาสกที่เข้าวัดพระธรรมกายเป็นประจำ และต่อมาได้บวชเป็นพระที่วัดได้แก่นายสุธรรม ตีรวนิช, นายชัยเจริญ บุญลยางกูล, นายสมบุญ จงภัทรนิชพันธ์, นายสมชาย กลิ่น หอมรื่น และ นายรังสฤษดิ์ จิตตมากูล ซึ่งบุคคลทั้ง 5 นี้บางคนไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับธุรกิจ แต่ถูกขอให้ใช้ชื่อโดยอ้างว่าขอให้ช่วยวัด บางคนเมื่อบวชแล้วได้กลายเป็นพระใกล้ชิดเจ้าอาวาส ได้แกj นาย สุธรรม ที่บวชแล้วเป็นพระสุธรรม สุธัมโม ได้เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส ส่วนอีก 2 คนที่เหลือเป็นผู้หญิง ได้แก่ สีกาอี๊ด และคุณหญิงอุไรวรรณ ซึ่งเป็นผู้ศรัทธาในวัดพระธรรมกาย
สำหรับบริษัทบัวบานการเกษตร แกนนำผู้ร่วมก่อตั้งคือกลุ่มสีกาของวัด ซึ่งเรียกตัวเองว่ากลุ่ม "สามัคคีธรรม"สมาชิกที่ร่วมกลุ่มอาทิสีกาอี๊ด, นางสาวมณีรัตน์ และนางสาววีรนุช ต่อมาสีกากลุ่มนี้ได้แยกตัวออกไป โดยนางสาววีรนุชเดินทางไปอยู่สหรัฐฯ-ขณะที่นางสาวมณีรัตน์หาย ไปจากวัด เนื่องจากมีเหตุการณ์บางประการที่ สะเทือนใจ รวมถึงผู้มีอำนาจทำการแทนบริษัทในการก่อตั้งคือนายอำนวยศักดิ์ โตศิริพัฒนา ซึ่งขณะนี้บวชเป็นพระในวัดพระธรรมกายเช่นกัน
สุดท้ายบริษัทยูทาวน์ เพิ่งก่อตั้งเมื่อปี 2535 โดยมีนางสาวเสาวนีย์เป็นผู้ดูแล โดยนางสาวเสาวนีย์ถือเป็นสีกาที่ศรัทธาในวัดอย่างมาก และเข้ามาตั้งบริษัทรับซื้อที่ดินต่อจากบริษัทดูแวคมาพัฒนาต่อ โดยบริษัทดูแวคได้ประชุมกันเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2530 และลงมติให้ขาย ที่ดิน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าหลังจากที่พระเผด็จ ทัตตฺชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายออกโรงกระตุ้นให้ลูกศิษย์เขียนจดหมายถึงสื่อมวลชนที่ลงข่าวเกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านก็ได้ย้ำผ่านลูกศิษย์อีกครั้ง ปรากฏว่า "เดลินิวส์" ได้มีจดหมายจำนวนมากเขียนเข้ามาโดยเนื้อหาจดหมายเป็นไปทำนองเดียวกันก็คือการเข้าวัดพระธรรมกายแล้วดีอย่างไร ซึ่งตรงตามความต้องการของพระเผด็จ
อย่างไรก็ตามสำหรับจดหมายจากบุคคลที่ได้รับความเดือดร้อนจากวัดพระธรรมกาย รวมถึงการส่งหลักฐานเอกสารต่าง ๆ เกี่ยวกับวัดมาให้ ก็ยังมีปริมาณที่มากเช่นกัน โดยบุคคลเหล่านี้ไม่ได้นัดหมายกันมาก่อน
ทางด้านพระปลัดสุธรรม สุธัมโม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายกล่าวถึงกรณีที่มีข่าวการจ้างบวชชีที่วัดพระธรรมกาย 3 เดือนจะได้เงิน 4 หมื่นบาท ถ้าไปเชียงใหม่ได้ 1 แสนบาทนั้น ทางวัดขอชี้แจงว่าตั้งแต่การสร้างวัดมาเป็นเวลา 29 ปี ยังไม่เคยมีโครงการบวชชีเลย และมีแม่ชีรูปเดียวคือแม่ชีวันทร์ ขนนกยูง ผู้ให้กำเนิดวัด ที่ผ่านมามีการจัดแค่บวชอุบาสิกาแก้ว เมื่อวันที่ 7-9 สิงหาคม จำนวนเกือบ 2 แสนคน และด้วยจำนวนที่มากเช่นนี้ยjอมเหลือวิสัยที่จะมีการจ้าง วานเพราะต้องใช้ทรัพย์สินมหาศาล
นอกจากนั้นหากมีการอ้างชื่อวัดหรือมูลนิธิธรรมกายไปกระทำการดังกล่าวขอให้ตำรวจดำเนินการสอบสวนให้ได้ผู้กระทำความผิด และดำเนินการตามกฎหมายก่อนที่จะมีการให้ข่าว เพราะจะทำให้ประชาชนเข้าใจผิดได้.