news2
โวยธรรมกายทำเดือดร้อน

นี่หรือคือบุญแบบ"ธรรมกาย" นักสังคมสงเคราะห์ ชัยภูมิโวย น้องชายเมาบุญ เอาเงินไปบริจาควัดอย่างเดียวจะได้ไป สวรรค์ ขนาดพ่อเจ็บเจียนตายไม่ยอมเหลียวแล ไม่เชื่อฟังใครนอกจากพระที่วัด ย้ำมีคนเดือดร้อนอย่างนี้อีกมาก โยมพ่อ"ธัมฺมชโย ภิกขุ" สวดไม่เข้าใจทำไมถึงพระลูกชายถึงถูกโจมตี ไม่เห็นเขียนข่าววัดถึงคนเข้าไปเป็นแสนบ้าง ถามเห็นดวงอาทิตย์ผิดตรงไหน กรมป่าไม้ตรวจสอบข้อมูลแล้ว สาขาธรรมกายไม่รุกป่า ยื่นขอทุกต้องในยุค"ผ่อง เล่งอี้" เป็นอธิบดี ล่าสุดขออีก 35 ไร่ ปลูกผักอนามัย

เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมานายสนิตย์ จองโพธิ์ สังคมสงเคราะห์โรงพยาบาลชัยภูมิ ร้องเรียนกับ "เดลินิวส์" เรื่องวัดพระธรรมกาย ว่าครอบครัวได้รับความเดือดร้อน จากน้องภรรยาที่บวชที่วัดพระธรรมกาย เพราะพ่อเจ็บป่วยก็ไม่ยอมมาดูแลมาเอาเงินไปทำบุญอย่างเดียวครั้งละเป็นแสน
"คำสอนของวัดทำให้ครอบครัวแตกแยก วุ่นวาย สั่งสอนให้นับถือแต่พระที่วัด คนที่มาบวชที่วัดนี้ จะกลายเป็นคนที่มีนิสัยตรงข้ามกับเมื่อก่อน เหมือนคนละคนกัน อย่างเช่น เคยเป็นคนที่เชื่อฟัง รักเคารพพ่อแม่ เป็นห่วงเป็นใยญาติพี่น้อง เดียวนี้ไม่มีเลยจะมาเยี่ยมพ่อแม่ จะมาต่อเมื่อต้องการเงินทำบุญ ยิ่งตอนนี้ยิ่งหนักใหญ่ โอ้อวดสรรพคุณให้สร้างพระธรรมกายประจำตัว ตอนนี้พระน้องชายไปทำแล้ว องค์ 70,000 บาทแล้ว ทางบ้านจะเดือดร้อนอย่างไรไม่สนใจ"
นายสนิตย์กล่าวว่า พระน้องชายมาชักชวนให้ทำบุญโดยอ้างว่า การทำบุญกับวัดพระธรรมกาย และการสร้างพระธรรมกายประจำกาย จะได้บุญขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นบุญสูงวัดที่วัดไหนไม่สามารถทำได้ ก็เอาเงินสะสมของบ้านไปใช้ ทั้งที่ไม่ใช่ครอบครัวที่ร่ำรวย แต่เพราะความรักน้องจึงให้ และเสียเงินให้วัดธรรมกายก็เป็นเงินหลายแสนแล้ว ต่อไปคงเป็นล้าน แถมยังมีการดึงให้พี่สาวคนโต ไปวัดด้วยด้วยพร้อมกับซื้อคอนโดฯใกล้วัดอยู่ แม้แต่พ่อซึ่งแก่มากและป่วยเป็นโรคหัวใจ อาการไม่ดี น้องชายและพี่สาวไม่เคยมาดูแลเลย กับญาติพี่น้องก็ไม่ติดต่อ
สำหรับประวัติของน้องชายคนนี้ นายสนิตย์เล่าว่าเรียนจบวิศวะกรขอนแก่น ซึ่งก่อนจะจบเกิดปัญหาขึ้นทางบ้าน ก็กลัวว่าจะคิดมาก จึงจับบวชพระ แต่รู้แล้วว่าบวชผิดวัด ตอนนี้ครอบครัวได้แต่ช้ำใจ,ทะเลาะกันทั้งบ้าน เพราะเรื่องเงิน อีกทั้งภาระต่างความรับผิดชอบทางบ้าน และการดูแลพ่อตาก็ตกอยู่ที่ตน และภรรยาคือนางสมใจ เมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ก่อน ตนได้เดินทางมาพบน้องและพี่สาวภรรยาที่วัด เมื่อบอกเรื่องทางบ้านให้ทราบทั้ง 2 คนก็เฉย ๆ ไม่สนใจ และก็ได้ถามว่า ตั้งแต่บวชมาได้อะไร เขาก็ตอบไม่ได้ ที่ว่าทำบุญมากได้บุญมากได้ยังไง ทั้ง 2 คนก็ไม่ยอมตอบ อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นในวันนั้นก็มั่นใจว่า มีพ่อแม่ญาติพี่น้องที่อยู่ในข่ายเดียวกับตนมีถึง 80 %
"เดลินิวส์" ยังได้รับจดหมายร้องเรียน เกี่ยวกับการทำบุญแบบสุดตัว หมดตัวก็ยอม ของลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย โดยเนื้อหาเหมือนกันคือลูก หลาน จะถูกอบรม บ่มความคิดให้ทำแต่บุญ มีเงินเดือนก็ทำบุญหมด ทั้งที่ฐานะไม่ได้ร่ำรวย และส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่เข้าวัดตั้งแต่ยังเป็นนักเรียน นักศึกษา จนจบออกมาทำงาน ก็ทุ่มเททำบุญให้วัด โดยจดหมายฉบับหนึ่งเขียนมาจากปราจีนบุรี เล่าว่า ลูกเข้าชมรมพุทธและมานั่งสมาธิที่วัด เมื่อจบปริญญาตรีก็สมัครเป็นธรรมทายาท สึกออกมาก็ทำบุญหมด ทำสุดตัว ทุ่มชีวี ทำทุกรายการที่วัดบอกมา เอาเงินไปซื้อบุญ ทำให้ต้องประหยัดทุกอย่าง
ในวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 600/692 หมู่บ้านสีวลี ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นหมู่บ้านในโครงการของบริษัทแลนด์ แอนด์- เฮ้าส์ ลักษณะเป็นบ้านเดียวสองชั้น ปลูกบนเนื้อที่ประมาณ 50 ตารางวา และได้สัมภาษณ์นายจรรยงค์ สุทธิผล โยมบิดาของพระราชภาวนาสทธิ์ หรือหลวงพ่อธัมมฺชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
นายจรรยงค์กล่าวว่า ทำไมหนังสือพิมพ์ถึงได้มาเสนอข่าวส่อไปทางให้เกิดความแตกแยก ไม่ได้เกิดความสร้างสรร วันเวลาที่ผ่านมาได้ติดตามข่าวกรณีวัดพระธรรมกายอย่างต่อเนื่อง ไม่เคยเขียนข่าวที่เป็นผลดีกับวัดพระธรรมกายแม้แต่วันเดียว ทำไมไม่เห็นเขียนข่าวว่า ธรรมกายมีผู้มีจิตศรัทธามาปฏิบัติธรรมกันเป็นจำนวนหลายแสนคน การสอนก็ทำให้คนเป็นคนดี ไม่เห็นว่า มีคำสอนของวัดธรรมกายสอนผิดเลย
"ไหนใครว่าวัดพระธรรมกายสอนผิดจากพุทธศาสนา อยากรู้ว่าการสอนให้คนเป็นคนดีนั้นผิดตรงไหน และการที่คนไปปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิผิดนักหรือ การที่เห็นดวงอาทิตย์มีความผิดด้วยหรือ "
นายจรรยงค์กล่าวด้วยว่า ตั้งแต่วัดก่อสร้างขึ้นมา ก็เดินทางไปปฏิบัติธรรมที่วัดตลอดทุกวันอาทิตย์ หากไม่สามารถเดินทางไปได้ ก็จะนั่งสมาธิอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว แต่ยอมรับว่า หลังจากมีการเสนอข่าวกรณีวัดพระธรรมกาย ได้พบนมัสการหลวงพ่อธัมมฺชโย ซึ่งก็ได้รับการบอกกล่าวจากพระลูกชายว่า การที่สื่อมวลชนนำวัดพระธรรมกายไปเสนอข่าวในทางไม่ดี การตกเป็นข่าวในทางเสียหายกับทางวัด หลวงพ่อบอกว่าจะไม่ตอบโต้ หากไปตอบโต้ก็เท่ากับเป็นการยอมรับ เชื่อมั่นว่า คนทำดีย่อมได้รับผลดี ใครจะเอาความดีไปบอกคนอื่นว่า ไม่ดีก็จะไม่ตอบโต้ แต่จะทำตัวให้ดีมีประโยชน์ก็พอแล้ว
"เรื่องนี้ถึงพระลูกชายจะไม่ตอบโต้ก็ตาม หากเป็นผมแล้วผมต้องสู้ พูดอย่างนี้คุณจะเอาไปเขียนอย่างไร เป็นเรื่องของคุณ ถ้ามาดูหมิ่นผมทำให้เสียหายผมฟ้องคุณแน่"
นายปลอดประสพ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยว่า กรณีวัดพระธรรมกายได้จัดสร้างสำนักปฏิบัติธรรม หรือสำนักสงฆ์ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติในหลายท้องที่ จนถึงขณะนี้ได้ข้อสรุปที่ชัดแจ้งแล้วว่า มีการขอใช้ที่ดินถูกต้องใน 2 ลักษณะคือ ขอตามมาตรา19 พระราชบัญญัติป่าไม้ โดยต้องเป็นการขอเพื่อประโยชน์ในการควบคุม ดูแล รักษาหรือบำรุงป่าสงวนแห่งชาติ อธิบดีกรมป่าป่าสามารถสั่งการเป็นหนังสือให้พนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง ในเขตป่าสงวนแห่งชาติได้
กรณีนี้กรมป่าไม้ในยุคนายผ่อง เล่งอี้ เป็นอธิบดีได้อนุมัติให้วัดพระธรรมกายจัดสร้างสำนักปฏิบัติธรรมขึ้นที่ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ ดอยปุย อ.ฮอต จ.เชียงใหม่ เพื่อใช้เป็นสถานที่พระภิกษุได้ไปปฏิบัติธรรม โดยกรมป่าไม้อนุมัติให้ใช้บ้านพักรับรองของอุทยานแห่งชาติ ตามโครงการส่งเสริมให้วัด หรือพระสงฆ์ช่วยงานด้านป่าไม้เท่านั้น
นอกจากวัดพระธรรมกายแล้ว ยังมีวัดอื่นๆ อีกถึง 31 แห่งที่ขอใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จัดสร้างสำนักปฏิบัติธรรมเผยแพร่ศาสนาพุทธ อันเป็นการส่งเสริมให้ผู้คนในสังคมเป็นคนดี
สำหรับการขอใช้พื้นที่เพื่อกิจกรรมอื่น ๆ ทางวัดพระธรรมกาย จะขอในนามมูลนิธิของวัดพระธรรมกาย ซึ่งญาติโยมช่วยกันจัดตั้งขึ้น โดยขอเจ้ามาประมาณ 3-4 โครงการ และล่าสุดมูลนิธิฯ ได้ขอใช้พื้นที่ป่าของกรมป่าไม้อีกจำนวน 35 ไร่ โดยเป็นการขอใช้พื้นที่เพื่อจัดทำโครงการวิจัย ผักสวนครัวปลอดสารพิษ ซึ่งเป็นโครงการที่มีประโยชน์ในการศึกษาหรือวิจัยทางวิชาการ และอธิบดีกรมป่าไม้ก็มีอำนาจที่อนุมัติได้ โดยอาศัยอำนาจตามพรบ.ป่าไม้ มาตรา17
ในส่วนแนวทางการป้องกันมิให้สำนักสงฆ์บุกรุกป่า นับจากเกิดเรื่องวัดธรรมกายขึ้น ทางกรมป่าไม้กับมหาเถรสมาคมได้มีคำสั่งเรื่องห้ามภิกษุ สามเณรเข้าไปพำนักอาศัยหรือดำเนินการใดๆ ในสถานที่ ซึ่งยังไม่ได้รับอนุญาตให้สร้างวัด พ.ศ. 2530 อยู่แล้ว สำหรับกรมป่าไม้ก็ได้มีการสั่งการ โดยหนังสือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด และป่าไม้เขตทุกเขต ให้สั่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหมั่นตรวจสอบดูแล และป้องกันมิให้ภิกษุ สามเณรเข้าไปพำนักอาศัย หรือดำเนินการใด ๆ ในสถานที่ ซึ่งยังไม่ได้รับอนุญาตให้สร้างวัด โดยหากพบการกระทำผิด หรือฝ่าฝืนคำสั่งของมหาเถรสมาคม ก็ให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่รับผิดชอบโดยเคร่งครัด
สำหรับพื้นที่ที่สำนักสงฆ์บุกรุกก่อสร้างไปก่อนแล้ว ปัจจุบันเป็นปัญหามวลชนที่ชาวบ้านเห็นว่า ในท้องถิ่นของตนไม่มีวัดเพื่อประกอบศาสนากิจ จึงได้บุกรุกเข้าไปก่อสร้าง ซึ่งกรมป่าไม้และกรมการศาสนาได้เล็งเห็นปัญหานี้มาก่อนแล้ว โดยได้ร่วมหารือ และเห็นว่าควรจะได้มีการดำเนินการให้ถูกต้อง จึงให้พิจารณาเรื่องการขอสร้างวัด โดยให้กรมการศาสนาพิจารณาเฉพาะกรณี ที่มีการก่อสร้างอาคารเสนาสนะเป็นการมั่นคงแล้ว