page3
จี้ตรวจสอบบัญชีวัดธรรมกาย

จี้ตรวจสอบทุกบัญชีของวัดธรรมกาย เพื่อคลายข้อสงสัยของศาสนชนที่วัดได้รับบริจาคเงินมหาศาล เปิดข้อมูลการเงินมูลนิธิธรรมกายมีเงินแค่ 171 ล้าน แต่จัดทำไม่ละเอียดแถมยังแยกเงินค่าใช้จ่ายกระจายเป็นหลายกองทุน เฉพาะค่าอาหาร ก็ปาเข้าไปเดือนละ 1.2 ล้านบาท ไม่รวมมูลค่าศาสนวัตถุที่ในวัดอย่างพระทองคำ-เสาเข็มเจดีย์ กว่า 600 ล้าน

จากกรณีที่นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ นักคิดชื่อดังเสนอให้สอบบัญชีมูลนิธิธรรม กายโดยให้กระทรวงศึกษาธิการไปประสานงานกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของเงินบริจาค การใช้จ่ายนั้น
"เดลินิวส์"ได้ทำการตรวจค้นบัญชีมูลนิธิธรรมกายในงบดุลปีล่าสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2540 พบว่ามูลนิธิดังกล่าวไม่ได้มีเงินมากมายอย่าง ที่คาดคิด
ทั้งนี้ มูลนิธิมีสินทรัพย์รวม 171.39 ล้านบาท แยกเป็นเงินสดฝากธนาคารเพียง 3.08 ล้านบาท และมีที่ดินของวัดมูลค่า 144.31 ล้านบาท ยานพาหนะ 23.50 ล้านบาท และที่เหลือเป็นส่วนปรับปรุงที่ดิน และอาคารรวม 4.85 แสนบาท
เงินที่ใช้ซื้อสินทรัพย์ดังกล่าวได้มาจากเงินทุนเริ่มแรก 5 หมื่นบาท ได้รับการบริจาคสมทบ 169.89 ล้านบาท และมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกในภายหลัง 1.45 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามการจัดทำบัญชีดังกล่าวค่อนข้างหยาบ เนื่องจากไม่มีการส่งลงรายละเอียดงบดุล อาทิในหมายเหตุงบการเงินเกี่ยวกับที่ดินของวัดที่ไม่มีการระบุถึงจำนวนที่ดิน,ราคาประเมินที่ดินของวัดเท่าไหร่ เพราะจะทำให้เห็นภาพที่ชัดเจน รวมไปถึงเงินบริจาคที่ต้องแยกรายละเอียดลงไปด้วยว่ามีมาจากไหน ฝากที่ธนาคารใด
นอกจากนั้นทางวัดธรรมกายยังมีการจัดตั้งกองทุนมากมายที่แยกจากมูลนิธิธรรมกายอาทิเป็นกองทุนบำรุงวัด อาคารภาวนา กองทุนสร้างพระ กองทุนธัมมชโย กองทุนศูนย์สื่อธรรมกาย กองทุนถวายภัตตาหาร ซึ่งแยกบัญชีออกไปและไม่ได้เกี่ยวกับกองทุนในมูลนิธิ
กองทุนเหล่านี้มีค่าใช้จ่ายสูงมาก อาทิ เงินค่าอาหารในวัดตกประมาณ 1.2 ล้านบาทต่อเดือน หรือแม้กระทั่งถาวรวัตถุที่ก่อสร้างในวัดก็มีมูลค่าที่น่าจะสูงกว่าเงินที่แสดงไว้ในมูลนิธิธรรมกาย อาทิ รูปหล่อทองคำของพระมงคลเทพมุนี มีการบริจาคก่อสร้างถึง 300 ล้านบาท,การก่อสร้างธรรมกายเจดีย์ที่เฉพาะค่าเสาเข็มก็ตก 333 ล้านบาท ยังไม่รวมค่าก่อสร้างพระธรรมกายประจำองค์ที่ตั้งเป้าให้ได้ถึง 1 ล้านองค์ ราคาองค์ละ 1 หมื่นบาท หรือเป็นเงินถึง 1 หมื่นล้านบาท
ทางด้านพระมหาบุญถึง ชุตินฺธโร ผู้อำนวยการกองปฏิบัติศาสนกิจในประเทศ และผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กล่าวสนับสนุนนาย สุลักษณ์ ศิวรักษ์ในการให้กระทรวงมหาดไทยเข้าตรวจสอบมูลนิธิธรรมกายเรื่องการใช้จ่ายเงินทองที่ได้รับบริจาคเช่นกัน
"การใช้จ่ายเงินของมูลนิธิธรรมกายนั้น ถือว่าเป็นประเด็นน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งทั้งนี้เงินทองที่ได้มาของมูลนิธิเป็นเงินที่ได้รับบริจาค ซึ่งได้มีการระดมเงินมาอย่างมากมาย แน่นอนว่ามีคนเป็นจำนวนมากอยากทราบถึงการจัดการและการใช้ จ่ายของทางมูลนิธิ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยากหากทางพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะใช้อำนาจตามที่กฎหมายกำหนดเข้าไปตรวจสอบ"
อย่างไรก็ดีถ้าเป็นไปได้ควรตรวจสอบบัญชีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ด้วยเพราะได้รับฟังจากญาติโยมว่ามีการแยกบัญชีธนาคาร และบัญชีการใช้จ่ายเงินออกจากกัน ซึ่งก็เป็นเรื่องดีที่ทางวัดน่าที่จะแสดงความบริสุทธิ์ใจเปิดเผยด้านการเงินออกมา เพราะมีคนสงสัยกันมากว่านอกจากเงินที่นำไปใช้ในการก่อสร้างมหาธรรมกายเจดีย์แล้ว ยังนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมช. ศึกษา- ธิการ กล่าวถึงกรณีที่กรมสามัญศึกษาได้จัดให้มีการบรรพชาสามเณรแก้วที่วัดพระธรรมกายทุกปีว่า ถ้าเป็นการบวชเณรเพื่อให้เด็กได้ฝึกสมาธิและปฏิบัติธรรมก็เป็นเรื่องที่น่าสนับสนุน แต่ถ้าเป็นการบวชเพื่อให้เด็กเรียนรู้อภินิหารหรือเข้าลัทธิใหม่ที่เกิดขึ้น ก็เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมซึ่งนายปัญจะ เกสรทอง รมว. ศึกษาฯ กับนายกว้าง รอบคอบ อธิบดีกรมสามัญศึกษา คงต้องตัดสินใจในเรื่องนี้ให้ดี.