page3
ศิษย์หลวงพ่อสดโผล่ แฉเจ้าอาวาสธรรมกาย

พระลูกศิษย์ "หลวงพ่อสด" วัดปากน้ำภาษีเจริญสุดกลั้น วอนทุกฝ่ายหยุดการอ้างชื่อหลวงพ่อ ระบุถึงวิธีการสอนกรรมฐานจะไม่แตกต่างแต่วัตถุประสงค์ไม่เหมือนกัน ด้านผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำเผย "ธัมมชโยภิกขุ" เจ้าอาวาส "วัดธรรมกาย" ไม่ใช่ลูกศิษย์หลวงพ่อสด แต่เป็นลูกศิษย์ "อุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง" ย้ำปาฏิหารย์ไม่มีจริงหลวงพ่อสดไม่เคยสอนเด็ดขาด ชี้เรี่ยไรชาวบ้านเป็นการเบียดเบียนสัตว์โลก

พระธเนศ หิตกาโม พระสอนวิปัสนากรรมฐาน วัดอัมพวัน พระผู้รับใช้ใกล้ชิดพระราชสุทธิญาณมงคลหรือ "หลวงพ่อจรัญ" พระลูกศิษย์ของพระมงคลเทพมุนี หรือ "หลวงพ่อสด" วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เปิดเผยว่า การฝึกนั่งวิปัสนากรรมฐานเป็นการเจริญสติทำให้เกิดปัญญาสามารถแก้ไขปัญหาชีวิต พัฒนาชีวิตตัวเองให้ดีขึ้น การฝึกนั่งวิปัสนาจึงไม่ใช่การมุ่งให้เห็นอะไรได้ต่างๆนานา ซึ่งความจริงแล้วการเรียนด้านกรรมฐานแบ่งเป็นสองสายคือ สายสมถะภาวนาเป็นการฝึกจิตให้สงบสบาย อีกสายหนึ่งเป็นการฝึกที่ทางวัดอัมพวันใช้ปฏิบัติซึ่งก็คือการฝึกสายวิปัสนาภาวนามุ่งให้เกิดปัญญา
ส่วนเรื่องของการทำบุญเป็นการทำบุญสงเคราะห์ภายนอกบุญที่ดีที่สุดเป็นบุญที่เกิดภายใน คือจิตใจของเราเอง ซึ่งเป็นเรื่องของศีลภาวนาหลวงพ่อจรัญมาอยู่วัดอัมพวัน 42 ปีแล้ว ไม่เคยออกไปเรี่ยไรชาวบ้านหรือไม่เคยส่งจดหมายไปชักชวนใครให้นำเงินมาบริจาค ทางวัดมีแต่ช่วยคนและสังคมช่วยบ้านเมืองมาโดยตลอด ไม่เคยหลงทางด้วยการให้ชาวบ้านมาทำบุญเลย
"ความจริงหลวงพ่อจรัญก็เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อสดเช่นกัน แต่ไม่เคยไปให้ใครต้องมาทำบุญกับทางวัด ถึงการบอกบุญไม่ใช่การผิดต่อพระธรรมวินัยก็ตาม แต่เป็นการเบียดเบียนโยมมากกว่า ซึ่งไม่ใช่แนวทางที่ทางวัดปฏิบัติและไม่ใช่แนวทางของสาวกพระพุทธเจ้าที่ปฏิบัติดีงามนำมาใช้หาเงิน วัดอัมพวันจะไม่หลงทางคือสร้างความงมงายให้พุทธศาสนิกชน เพราะพระพุทธองค์สอนให้ช่วยเหลือเกื้อกูลคน สอนให้คนเกิดปัญญารู้จักแก้ไขปัญหาชีวิต"
ด้านการก่อสร้างถาวรวัตถุนั้น พระธเนศกล่าวว่า ไม่ใช่แนวทางของหลวงพ่อจรัญ เพราะวัดอัมพวันเน้นด้านการปฏิบัติดีงามตามรอยบาทพระพุทธองค์ การมุ่งด้านก่อสร้างวัตถุมีตัวอย่างให้เห็นมากแล้วระยะยาวไม่มีญาติโยมไปหาที่วัดเลย ทางวัดก็เคยมีพุทธศาสนิกชนมาร้องเรียนเหมือนกัน เกี่ยวกับการกระทำของวัดๆหนึ่ง แต่คงไม่เข้าไปวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น แนวการสอนก็ต่างคนต่างสอน ซึ่งผู้ที่เป็นสาวกแห่งพุทธศาสนาย่อมเรียนรู้ได้ถึงแนวทางที่ถูกต้อง เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะพระธรรมวินัยไม่ชัดเจน พระธรรมวินัยชัดเจนอยู่แล้ว แต่ใครจะปฏิบัติให้เป็นอย่างไรคงไม่ขอตำหนิ ถ้าจะหาทางสงบแค่ถือศิลห้าปฏิบัติได้ก็มีความสุข สงบสบาย แล้วไม่ต้องไปทำให้ใครต้องเดือดร้อนจนเกิดทุกข์
พระศาสนานุรักษ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กล่าวถึงแนวทางการสอนของหลวงพ่อสดในช่วงที่ยังไม่มรณภาพว่า ได้มีโอกาสปรนนิบัติหลวงพ่อสดใน 4-5 ปีท้ายๆ ซึ่งก็ได้ร่ำเรียนศึกษาธรรมะไว้พอสมควร การสอนของหลวงพ่อสดไม่เคยนำเรื่องปาฏิหาริย์มาสอนสั่งลูกศิษย์ โดยเฉพาะ "พระของขวัญ" ที่หลวงพ่อแจกให้กับญาติโยมนำไปติดตัวก็ไม่เคยนำเรื่องของปาฏิหาริย์ไปเผยแพร่ แต่สื่อมวลชนก็ดีนำไปลงข่าวกันเอง พุทธศาสนิกชนเองก็ดีได้บอกเล่ากันปากต่อปาก จนส่งผลให้พระวัดปากน้ำมีคนต้องการไว้ครอบครองเช่าหากันมาก จึงต้องใช้จ่ายเงินกันเป็นจำนวนมาก
"ในเรื่องการสอนให้นั่งวิปัสนากรรมฐานนั้น หลวงพ่อสดเน้นสอนให้คนเกิดสมาธิ ทั้งนี้การเกิดสมาธิจะช่วยให้เกิดปัญญาหาทางออกให้กับปัญหา ไม่ได้มีเรื่องของปาฏิหาริย์เข้ามาเกี่ยวข้อง สำหรับการเห็นภาพนั้นมีการเห็นจริงแต่ไม่ใช่เป็นการเห็นกันด้วยตาอย่างที่กล่าวอ้าง แต่การเห็นเป็นการเห็นธรรม ซึ่งก็เป็นไปได้ว่าเห็นในความฝันขณะที่กำลังหลับอยู่"
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำยังกล่าวถึงการสอนกรรมฐานของ "วัดพระธรรมกาย" ว่า ก็ตรงตามที่วัดปากน้ำใช้สอนอยู่ แต่แตกต่างกันด้านวิธีการสอน ซึ่งเป็นเรื่องของวิธีการถ่ายทอด ความจริงแล้วพระราชภาวนาวิสุทธิ์ หรือ "หลวงพ่อธัมมชโยภิกขุ" เจ้าอาวาสวัดธรรมกาย ไม่ได้เรียนกับหลวงพ่อสดโดยตรง แต่เรียนจาก "แม่ชีจันทร์ ขนนกยูง" ซึ่งก็เป็นศิษย์ของ "แม่ชีเทียน ธีระสวัสดิ์" อีกทอดหนึ่ง หลังจากได้ร่ำเรียนการนั่งวิปัสนาแล้วก็ออกไปสร้าง "วัดวรณี" เป็นการตั้งชื่อตามโยมผู้บริจาคที่ดินให้สร้างวัด
"ได้ยินมาว่าหลังจากมีการก่อสร้างพระอุโบสถแล้วเสร็จ โยมวรณีไม่พอใจกับรูปลักษณ์ของตัวอุโบสถ ที่มีการก่อสร้างคล้ายกับศาสนาอื่น เวลาต่อมาโยมวรณีจึงหันกลับมานั่งกรรมฐานที่วัดปากน้ำ และได้บริจาคทุนทรัพย์ก่อสร้างศาลาปฏิบัติกรรมฐานขึ้นเป็นเงินกว่า 4 ล้านบาท"
ส่วนการนำเรื่องปาฏิหาริย์อิทธิฤทธิ์มาเป็นจุดขายบุญตามที่วัดพระธรรมกายทำอยู่นั้น ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำเห็นว่าไม่เหมาะไม่ควรอย่างยิ่ง ทางพุทธศาสนาไม่ได้ให้ใครงมงายแต่ให้นำธรรมะมาปฏิบัติด้วยเหตุด้วยผล โดยเฉพาะเรื่องของการทำบุญมากได้มากนี้ถือว่าไม่ถูกต้อง แต่ถ้าทำโดยมุ่งไปที่ประโยชน์สูงสุดกับประชาชนและศาสนาถึงจะได้บุญ อย่างเช่นการสร้างห้องน้ำ ห้องส้วม ซึ่งเป็นที่ถ่ายทุกข์ของคนที่เป็นทุกข์มาก แต่เมื่อเข้าไปถ่ายทุกข์แล้วก็จะรู้สึกสบาย รู้สึกดี
"เรื่องนี้อาตมาให้รู้สึกเห็นใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย สื่อมวลชนก็ทำหน้าที่ตรวจสอบสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล วัดพระธรรมกายก็ต้องการสร้างธรรมเจดีย์ ซึ่งก็เป็นธรรมดาอยู่เองว่าการสร้างอะไรก็ตามที่ใหญ่โตย่อมต้องมีปัญหา อย่างเดียวกับการสร้างกำแพงเมืองจีนก็เป็นปัญหามากในช่วงเวลานั้น"